ภท.เสนอเยียวยาหา วัคซีนให้เร็วที่สุด ง่ายกว่าแจกเงิน อัด กทม. บริหารจัดการไม่เป็นระบบ

ภท.เสนอเยียวยาหา วัคซีนให้เร็วที่สุด ง่ายกว่าแจกเงิน อัด กทม. บริหารจัดการไม่เป็นระบบ

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ตัวแทน ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาฯพิจารณาหามาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากการระบาดโควิดและจากการบริหารจัดการของศบค.รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งหมด 6 ญัตติ โดยเป็นพรรคเพื่อไทย 2 ญัตติ ก้าวไกล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เสรีรวมไทย พรรคละ 1 ญัตติ

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าประชาชนคนไทยไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน ผู้คนจำนวนมากออกมาบ่นดังๆไปในทิศทางเดียวกันหมด เชื่อว่าเขาทนไม่ไว้แล้ว อยากจะให้เสียงของเขาดังไปถึงผู้บริหาร ให้ผู้บริหารได้หันมามอง และรับฟัง แต่เสียงของเขาตนไม่ทราบว่าจะดังพอหรือไม่ แต่เชื่อว่าพวกเราส.ส.ที่ประชาชนเลือกมา ทุกคนส่วนแล้วแต่มีเจตนาที่อยากจำเป็นกระบอกเสียง สะท้อนเสียงนั้นไปปสู่ผู้บริหาร พวกตนก็เช่นเดียวกันเมื่อถามเขามาอยากจะให้ช่วยเหลือ เยียวยาอย่างไร ซึ่งวันนี้ประชาชนเขาอยากจะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงให้เร็วที่สุด และมีทางเลือกให้เขามาที่สุด ดังนั้น ก็ต้องฝากถึงรัฐบาลว่าต้องเร่ง จัดหาวัคซีนที่มีคความหลากหลายให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย แผนในการฉีดวัคซีนต้องรัดกุมทั่วถึงกว่านี้ ตัวอย่างในกทม.เป็นพื้นที่จัดการกับวัคซีนที่มีปัญหามาก เพราะไม่เป็นไปตามหลักระบาดวิทยา แน่นอนว่าพื้นที่ใดเสี่ยงมากก็จะได้ฉีดก่อน แต่ทุกพื้นที่ในกทม.ไม่ได้ระบาดหมด ดังนั้น พื้นที่ใดที่ไม่มีระบาด จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้กลุ่มเปาะบางก่อน คือกลุ่มผู้สูงอายและผู้มีโรคประจำตัว แต่กทม.ไม่ได้ทำ แต่เราจะเห็นภาพที่ลูกได้ฉีดก่อนพ่อ แม่ หรือคนที่ลงทะเบียนก่อนแต่ได้ฉีดที่หลัง เพราะการบริหารจัดการที่มีปัญหา จึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องแก้ไข

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผลกระทบมีถ้วนหน้า แต่ก็ยังดีที่มีการประกาศเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ 6 จังหวัด แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่ 6 จังหวัด และความจริงแล้วรัฐบาลเยียวยายังไม่หมด ความจริงการเยียวยาเบื้องต้นการให้เขาเข้าถึงวัคซีนก็ถือเป็นการเยียวยาแล้ว บางทีอาจจะง่ายกว่าการจ่ายเงิน เพราะการที่ทำให้เขาเข้าถึงวัคซีนได้เร็ว ก็ทำให้ชีวิตกลับมาเป็นปกติได้เร็วที่สุด และในทุกอาชีพ ที่มีผลกระทบจากโควิด จะมีการเยียวยาอย่างไร ยังไม่มีความชัดเจนเลย คนที่ยังไม่สมควรได้รับการเยียวยาก็ได้รับ จึงขอฝากไปถึงรัฐบาลในเรื่องการสั่งการจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นการล๊อกดาวน์ หรือปิดอะไรต่างๆ ขอให้ชัดเจนในเรื่องการสื่อสาร จะเอาแบบไหน เชื่อว่าประชาชนพร้อม ให้เวลาเตรียมพร้อมเพียงพอ วันนี้บางเรื่องตัดสินใจเร็วเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งการตัดสินใจที่เร็วโดยไม่มีแผนรองรับ เป็นการสร้างความโกลาหล

Advertisement

“วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องเยียวยาทุกกลุ่มอาชีพถ้วนหน้า ที่ผ่านมาในการจ่ายเงินเยียวยาของรัฐบาลไม่ตรงจุดไม่ตรงเป้าหมาย เพราะยังมีอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับการเยียวยา เสนอว่าเยียวยาแบบถ้วนหน้ากับทุกคนที่ไม่มีรายได้ประจำ และขอฝากถึงรัฐบาลว่าอย่าให้น้ำตาของประชาชนที่เสียไป ที่เขายอมเสียสละเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าได้ ต้องเสียเปล่า เช็ดน้ำตาให้เขาบ้าง เยียวยาให้เขาบ้าง”นายสิริพงศ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image