วันนอร์ แนะผู้นำเลิกพูด “ไม่มีผม ปท.จะเป็นไง” เชื่อคนรู้แล้วอะไรคือสิ่งที่เขาไม่ต้องการ 

วันนอร์ แนะผู้นำเลิกพูด “ไม่มีผม ปท.จะเป็นไง” เชื่อวันนี้คนรู้แล้ว อะไรคือสิ่งที่เขาไม่ต้องการ 

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการบริหารจัดการรับมือโรคระบาดโควิด-19 โดยระบุว่า

“ช่วงสัปดาห์นี้ผมได้ติดตามความคืบหน้าของการรับมือโรคระบาดโควิด-19 ตลอดจนส่งแรงใจไปยังเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ และบรรดาประชาชนที่ร่วมมือ ร่วมใจต่อสู้ภัยโควิดอย่างเต็มกำลังเต็มความสามารถ และก็ตกใจบ้างที่พบว่าบุคลากรทางการแพทย์หลายท่าน หลายพื้นที่ก็ติดเชื้อโควิด ทำให้ระบบสาธารณสุขต้องพร่องไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็เข้าใจและเอาใจช่วยเต็มที่ ขอพระเจ้าทรงประทานพรให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น โปรดหายโดยไว กลับมาเป็นด่านหน้าในการต่อสู้ภัยนี้ในที่สุด

เมื่อเช้าได้รับข่าวร้ายเพิ่มเติมสองเรื่อง หนึ่งคือจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทยนั้นแตะสู่ระดับสูงสุดแล้ว วิกฤตก่อตัวหนักแล้ว เตียงไม่พอ แพทย์พยาบาลเหนื่อยมากแล้ว ยังไม่รวมถึงประชาชนที่ลำบากยากเข็ญในการเข้ารับการรักษา หรือโดนพิษเศรษฐกิจที่รัฐบาลบริหารไม่เป็นกันถ้วนหน้า กลับโดนลดคุณค่าการทำมาหากินด้วยมาตรการป้องกันที่มาสาเหตุจากความสะเพร่าเลินเล่อของผู้มีอำนาจรัฐอย่างประมาท

อีกเรื่องคือการทราบถึงความเจ็บช้ำน้ำใจที่คุณหมอบุญ วนาสิน ผู้บริหารบริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ออกมาเปิดเผยว่า ทางรัฐมิได้ดำเนินการเซ็นสัญญากับทางบริษัทผลิตวัคซีนทั้งไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา ทั้งๆที่ทางบริษัทธนบุรีฯ ได้ดำเนินการเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้จองและชำระเงินเป็นการเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว

Advertisement

ทำให้การฉีดวัคซีนทั้งไฟเซอร์ และโมเดอร์นาที่ประชาชนได้ไว้วางใจเลือกนั้น อาจจะล่าช้าหรือไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ ด้วยปัจจัยสำคัญดังกล่าวที่ว่า “ทางรัฐมิได้ดำเนินการเซ็นสัญญา” ทางบริษัทวัคซีนจึงไม่สามารถจัดส่งวัคซีนได้

นับว่า เรื่องนี้เป็นการตบหน้าประชาชนชาวไทยทั้งผู้จองและชำระเงิน อีกนัยหนึ่งทุกคนที่เสียภาษีต่างก็ต้องรับชะตากรรม ผลพวงจากความประมาทของรัฐบาลที่นอกจากจะไร้ความสามารถในการรับมือแล้ว ยังทำตัวไม่รู้ร้อน รู้หนาวของภยันอันตรายที่คร่าชีวิตประชาชนคนไทยเราในทุกๆวันแบบนี้

จำกันได้ไหมทั้งคลัสเตอร์ทองหล่อ สนามมวย ผู้ลักลอบเข้าผ่านพรมแดนธรรมชาติ บ่อนการพนัน ต่างก็เห็นเป็นยอดภูเขาน้ำแข็งที่มีฐานจากความประมาทของรัฐบาลแทบทั้งสิ้น แต่การจัดการกลับไปสั่งให้ร้านอาหาร ภาคธุรกิจที่เขาตั้งใจทำตามมาตรการทุกอย่าง ให้เขาปิดบริการบ้าง ตัดแขนตัดขาไม่ให้ทานที่ร้าน ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้เป็นสาเหตุ ไม่เกเร แต่โดนไม้เรียวฟาดจนแทบตาย

Advertisement

มิใยถึงบรรดาแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ที่พวกเขาต่างก็ใช้ความสามารถอย่างสูงสุดในการบรรเทาและรักษาระดับของผู้ป่วยให้น้อยลง ทุกคนฝันถึงความปลอดภัย ชัยชนะจากโรค แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องมาเช็ดอุจจาระ รับภาระในการปัดกวาดความประมาท ความไม่ฉลาดของผู้มีอำนาจ แบบนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะอนุมานความเหี้ยมอย่างไรดี

ขอสื่อสารไปยังประชาชนที่นิยมหรือสนับสนุนเผด็จการ ว่ากรณีวิกฤตแบบนี้เราเห็นชัดเจนขึ้นมาบ้างหรือยังครับว่าการที่รัฐบาลที่มีอำนาจนั้นมิใช่การเอาชนะทางการเมือง การโต้วาทีฉะฉานกันในสภาหรือทางสื่อนั้นเป็นแค่ส่วนสำคัญน้อยในภาระหน้าที่ แต่สิ่งสำคัญของการมีอำนาจรัฐคือการรับผิดชอบ ดูแลสารทุกข์สุขดิบของประชาชน อันนั้นเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาล

เมื่อมีอำนาจก็ย่อมหนีความรับผิดชอบไม่ได้

แต่ความรับผิดชอบของรัฐบาลกลับกลายเป็นมีดอันแหลมคมที่เฉือนเนื้อ ทะลวงเลือดของประชาชนเองให้สูญสิ้นไปทั้งจิตวิญญาน ชีวิต เรามีความสุขหรอกับรัฐบาลลักษณะนี้

เราเห็นการฆ่าตัวตายกันบ่อยขึ้น ล่าสุดอ่านข่าวว่าลูกที่ป่วยติดเตียงเป็นโควิดจนเสียชีวิต พ่อที่ตรอมใจรก็ตัดสินใจโดดตึกจบชีวิตตาม ช่างน่าสลดใจอย่างยิ่ง ในสังคมตอนนี้คนเป็นกังวลวิตกกันมาก บางรายผมได้ยินมาว่า เขาอยู่ในรัฐบาลที่มีสามัญสำนึกกับประชาชนมาเยอะ แต่มาเจอรัฐบาลนี้เขาอยู่ไม่ได้

เพราะจิตสำนึกของรัฐบาลชุดนี้มุ่งแต่สืบทอดอำนาจ รักษาอำนาจตนเอง แต่ไม่รักษาชีวิตประชาชน ไม่ต่างอะไรกับฆาตกรที่มุ่งแต่เอาประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก ใครมาหักหานก็กำจัดหรือปล่อยให้ทรมานไป ไม่ต่างกับภาพในประเทศเราในปัจจุบัน

สถาปนาตนเองเป็น “มรณทูต” ที่ใช้อาวุธประชาชนนั้นคือภาษีมาทำร้ายประชาชนเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่ฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการกู้หนี้ยืมสินเป็นหนี้สาธารณะและนำมาบริหารจัดการที่ฉาบฉวย กะล่อน ผักชีโรยหน้า ไม่เห็นคุณค่าความปลอดภัยของประชาชน สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายความให้มากมาก ผลและภาพของการทำงานรัฐบาล ประชาชนอยู่ไม่ได้กันทุกหย่อมหญ้าแบบนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความโหดเหี่้ยมที่เผยให้เห็นชัดขึ้น ชัดขึ้น ในทุกๆวัน

ตามวรรค 3 ของมาตราที่ 47 ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ระบุไว้ว่า ” บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” ในเมื่อรัฐธรรมนูญถือเป็นกฏหมายสูงสุด และรัฐมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ผมถามว่า ในบทที่กำหนดดังกล่าว รัฐบาลชุดนี้ทำหน้าที่ดีพอหรือไม่ ในขณะที่วัคซีนที่ประชาชนไม่วางใจ รัฐกลับนำมาให้ แต่สำหรับวัคซีนที่ประชาชนต้องการ แม้ว่า พวกเขาจะยอมเสียสตางค์กันเอง รัฐกลับไม่ดำเนินการให้ ผมว่า จุดนี้คือความประมาท คือความไม่เอาใจใส่ ไร้ความจริงใจ และไม่ทราบเช่นกันว่า “เพื่อประชาชน” ที่พวกเขาอ้างนั้น พวกเขาหมายความอะไรกันแน่ ?

แต่ผมไม่ได้หวังใจอะไรมาก การถวายสัตย์ก็ไม่เป็นไปตามข้อความรัฐธรรมนูญก็ปล่อยผ่านไปได้ พรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นแกนนำรัฐบาลไม่ได้ทำตามนโยบายช่วงหาเสียง ยังหัวเราะเยาะประชาชนที่วางใจเลือกได้ การที่บอกว่ารัฐบาลชุดนี้มาเพื่อปราบโกง แต่ผลออกมาว่าคอรัปชั่นไทยไม่ลดกลับเพิ่มขึ้น ยังสบายใจได้ และอีกหลายเรื่องที่ได้แต่เหนื่อยใจกันจริงๆ

เราทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้าน บรรดาน้องๆเยาวชน ประชาชนหลายภาคส่วน ต่างชี้ให้เห็นถึงผลร้ายที่จะตามมาหากรัฐยังดำเนินงานอยู่ในลักษณะทองไม่รู้ร้อน น้ำไม่รู้หนาว มุ่งแต่สืบทอดอำนาจเช่นนี้ เราแนะทางออกทั้งการลาออก ยุบสภา เรียกร้องกันมาไม่ลดละ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้แจงเหตุผลทั้งในส่วนของการพิจารณางบประมาณ ร้องทุกข์ ยื่นอภิปราย หรือในภาคประชาชนที่เข้าชื่อเสนอกฏหมาย ทั้งแก้รัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้ท่านผู้นำลาออกในหลายๆลักษณะ แต่ก็หาได้ไม่ เพราะความดื้อรั้น ความไม่รู้จักตน ไม่รู้จักพอ มันถึงออกผลของอำนาจร้ายจากเผด็จการเช่นนี้ได้

ผู้นำคงไม่ต้องมาตั้งคำถามแล้วนะครับว่า “ถ้าไม่มีผมประเทศจะเป็นไง ?” คำตอบในใจจริงๆของประชาชนทั่วไปก็รู้กันอยู่ ว่าความเจริญนั้นเป็นเช่นไร?

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราอาจจะมองไม่เห็นชัดเจนว่าบ้านเมืองที่เจริญนั้นต้องการอะไรบ้าง แต่เป็นเรื่องสำคัญที่หากจะเห็นความเจริญที่ยั่งยืนและมั่นคงนั้น เราต้องรู้แน่ชัดว่าประเทศไม่ต้องการอะไรบ้าง ?”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image