โชคร้ายก็ตาย ‘ตี้’ ยัน ไม่ใช่แค่ไล่-ประยุทธ์ ‘ต้องรับโทษ’ ซัดรัฐบาล รู้ทางแก้ปัญหา แต่ไม่ทำ ‘กลัวเสียผลประโยชน์’
เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การชุมนุม ‘เปิดท้ายวันศุกร์ ลุกไล่เผด็จการ’ โดยกลุ่ม ‘ราษฎร’ และ ‘แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม’ ซึ่งนัดหมายรวมตัวที่แยกอุรุพงษ์ ในเวลา 16.00 น. ก่อน 16.30 น. เดินขบวนมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดตลาดให้ประชาชนนำสินค้ามาวางขาย ช่วยเหลือกันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสลับปราศรัยขับไล่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โดยเวลา 19.25 น. น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ “ตี้ พะเยา” แกนนำราษฎรเอ้ย กล่าวปราศรัยความว่า ต่อให้เราเจออีกกี่ฝน เราก็ไม่กลัว เพราะพวกเรากลัวอดตายมากกว่า วันนี้จะมาพูด 2-3 เรื่อง คือ 1.ล็อกดาวน์ 2.นักดนตรีกลางคืน 3.วัคซีน
น.ส.วรรณวลี กล่าวว่า เราล็อกดาวน์กันไปหลายครั้ง ขณะที่ประเทศอื่นล็อกดาวน์ครั้งเดียว มีวัคซีน และเยียวยาคนของเขาได้จริง กลับมาที่ไทย เงินเยียวยาให้เอาไปซื้อลูกอมวันละ 1 บาท 2 บาท ยังไม่ได้ วัคซีนที่เลือกเข้ามา ถามว่า ทำไมต้องปิดบังว่าคนที่ฉีดแล้วตาย ที่พูดแบบนี้เพราะมีคนรู้จักฉีดวัคซีนแล้วแพ้ มีปฏิกิริยาในร่างกาย โชคดีที่มีประกันชีวิต ประกันสังคม จึงได้ไปอยู่ในโรงพยาบาลที่ดี ลองคิดดูว่า คนที่ไม่มีเงินจะกินข้าว จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อประกัน ดังนั้น การบังคับให้ฉีดวัคซีน คือการบังคับให้ไปตาย ถ้าเขาแพ้วัคซีนทำอย่างไร ดีหน่อย คือร่างกายฟื้นฟูจนหาย โชคร้ายหน่อย ก็ตาย
“ตุลาคม-ธันวาคม จะเริ่มมีวัคซีนเข้ามา วัคซีนที่ปลอดภัยต้องเสียเงินและภาษีที่เสียไปเอาไปทำอะไร วัคซีนที่จะเข้ามาในไทย ไม่ได้มีมาตรฐาน และปลอดภัยสูงสุด เหตุใดจึงบังคับให้ฉีด และเหตุใดจึงไม่นำวัคซีนที่ปลอดภัย มาให้คนในชาติเรา จะไม่รู้สึกเดือดขนาดนี้ ถ้าไม่เอาชีวิตคนมาเล่น เพราะเมื่อก่อนหนูก็เคยเป็นสลิ่ม
วันนี้ น้ำตาที่ไหลคือน้ำตาประชาชน น้ำฝนวันนี้คือน้ำมนต์ ที่สาดลงมาบอกว่า เดี๋ยวพวกเราจะคุ้มครองคนในชาติด้วยกันเอง” น.ส.วรรณวลีกล่าว
น.ส.วรรณวลี กล่าวต่อว่า เมื่อสภาจัดการไม่ได้ กลัวโควิด แล้วปล่อยให้ประชาชนต้องมาตายอย่างโดดเดี่ยว วันหนึ่งถ้าเป็นโควิด จะเอาเข้าไปปล่อยในสภาเอง กระโดดกอดตู่ ให้รู้กันไป เราต้องช่วยกันผลักดันเรื่องวัคซีน ซึ่งตอนนี้เราผลักดันกันจนมีวัคซีนที่ปลอดภัยมาจำหน่ายในประเทศไทย ตอนถูกจับไปในเรือนจำ ไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไร แต่ขอบคุณที่ไม่ยอมปล่อยใครไว้ข้างหลัง
“กี่ร้านค้าที่เจ๊ง อยู่ไม่ได้ภายใต้ระบอบเผด็จการนี้ คนที่เห็นต่างทางการเมือง หนูไม่ว่า แต่ช่วยอย่าโง่ได้หรือไม่ ช่วยเบิกเนตรลืมตาได้หรือไม่ว่า พลเอกประยุทธ์ บริหารประเทศไม่ได้ และกำลังจะพาประเทศล่มจม ช่วยหนูแค่นี้ได้หรือไม่
ถ้าประยุทธ์รักประเทศจริง คงไม่รัฐประหาร และเป็นกบฏของประเทศไทย ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเองรอด ถามว่าในอนาคต ถ้ามีคนเดินตามรอยประยุทธ์เข้ามาบริหารประเทศ ก็ทำอย่างนี้ แล้ววนลูปกลับมาใช่หรือไม่ นั่นหมายความว่า นอกจากจะไล่ประยุทธ์ แก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องเอาประยุทธ์มารับโทษ” น.ส.วรรณวลีกล่าว
น.ส.วรรณวลี กล่าวต่อว่า เรื่องสุดท้าย นักดนตรีกลางคืน ตนมีเพื่อนเป็นนักกังดนตรีกลางคืน บางคนเป็น MC ชงเหล้า หาเงินส่งตัวเองเรียน เลี้ยงปากท้องครอบครัว แต่เพราะการบริหารของรัฐบาลจึงอยู่ไม่ได้
“นักดนตรีเป็นอาชีพที่น่าสงสารที่สุด เพราะได้รับปัญหาคนแรก แต่ได้รับการเยียวยาเป็นคนสุดท้าย อ้างว่า เพราะมีการเที่ยวกลางคืน เปิดร้านเหล้า ทำให้คนได้รับของมึนเมา ขาดวินัยในการดูแลตัวเองและคนรอบข้าง ถึงสั่งปิดก่อนร้านค้าปกติ อย่ามาอ้างธุรกิจสีเทา ยังไม่พูดถึงการค้าประเวณี ลองไปถามชาวต่างชาติดูว่า เขามาเที่ยวพัทยาเพราะอะไร อาชีพขายบริการควรถูกกฎหมายหรือไม่ ก็เอาเขาไปถูกกฎหมาย เข้าระบบ แค่นี้ถามว่ายากตรงไหน ถ้าต่อไปนี้จะมีการล็อคดาวน์ ได้โปรดคำนวณ ดึงเงินจากกองทัพ มาช่วยประชาชนก่อน เพราะการที่เงินจะเข้ากระเป๋าพวกคุณได้ พวกเราต้องมีกินก่อน จะอยู่กันอย่างไร ถ้าเราไม่มีเงินจ่ายภาษี หรือจะอยู่ด้วยเจ้าสัว และนายทุน แค่นั้น” น.ส.วรรณวลีกล่าว และว่า
ถ้าไม่ออกมา ถ้าเราไม่สู้กันในวันนี้ จบหมด ไม่เหลืออะไร ร้านค้าระเนระนาด เจ๊งกันไปกี่ราย ล็อกดาวน์กี่รอบแล้ว เงินจะซื้อวัคซีนดูแลตัวเองและครอบครัวยังไม่มีปัญญา บริหารประเทศกันอย่างไร
น.ส.วรรณวลี กล่าวว่า คุณรู้ทางแก้ปัญหา แต่ที่คุณไม่ทำ เพราะคุณจะเสียผลประโยชน์ใช่หรือไม่
“หนูเป็นเด็ก ที่ไม่ได้เก่งกว่าใคร และยังคงศึกษาอยู่ ขอบคุณทุกคนที่ออกมาสู้ร่วมกัน ทุกคนมีความสำคัญและมีความสามารถ ในการมาม็อบ ม็อบถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่ง จะไม่เป็นม็อบ และไม่สามารถชนะอะไรได้ ถ้าเราขาดใครคนใดคนหนึ่ง เราจะไม่สามารถไปถึงเส้นชัยได้” น.ส.วรรณวลี กล่าว
