มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ชี้ ‘วันเฉลิม’ ไม่ใช่คนสุดท้าย หาก ‘อุ้มหาย’ ยังไม่เป็นความผิดอาญาใน กม.ไทย
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่บริเวณถนนพระรามที่ 5 ข้างทำเนียบรัฐบาล กลุ่ม ‘โมกหลวงริมน้ำ’ จัดกิจกรรม ‘คืน-ยุติธรรม’ เนื่องในวาระครบ 1 ปี 1 เดือนการอุ้มหายนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวซึ่งลี้ภัยอยู่ที่ประเทศกัมพูชา
ในช่วงหนึ่ง นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผอ.มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนและนางสาวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เดินทางไปกัมพูชา พยายามยื่นพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ให้ศาลกัมพูชา และมาบอกรัฐไทยว่าวันที่วันเฉลิมหายไปคือ 4 มิถุนายน 2563 เขาอยู่ที่กัมพูชา มีการนำข้อมูลมอบให้ดีเอสไอ และอัยการสูงสุด
นางสาวพรเพ็ญกล่าวว่า มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่านายวันเฉลิมถูกติดตามโดยเจ้าหน้าที่รัฐไทยอย่างชัดเจน แต่พบว่ามีการปกปิด ซ่อนเร้นหลักฐาน จึงไม่สามารถหาพยานหลักฐานที่นำไปสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ประเด็นที่จะบอกคือการบังคับสูญหาย คือการจับกุม คุมตัว ทรมานจนไม่สามารถกลับสู่สังคม ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แต่ประเทศไทยยังไม่มีข้อหาความผิดนี้ จึงไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้
“การถูกบังคับสูญหายไม่เป็นความผิดทางอาญาในกฎหมายไทย อย่างมากคือกักขังหน่วงเหนี่ยว มีบทลงโทษไม่สมเหตุสมผล เราในฐานะองค์กรสิทธิฯ จึงร่าง พ.ร.บ.ต่อต้านการทรมาน บังคับสูญหาย ตอนนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของสภา แต่อยู่ในลำดับท้ายๆ
“มีการรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ ให้เห็นว่าประเทศไทยต้องทำให้การทรมาน การบังคับสูญหายให้เป็นอาชญากรรม เพราะมีคนทำความผิด มีอาชญากร ทำความผิด แต่ลอยนวล ไม่สามารถนำไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” นางสาวพรเพ็ญกล่าว ก่อนทิ้งท้ายว่า วันเฉลิมคงไม่ใช่กรณีสุดท้าย ถ้ายังไม่มีกฎหมายชัดเจนที่นำไปสู่การลงโทษผู้กระทำผิด