‘หมอชลน่าน’ ด่าคนให้ข่าวสภาต้องฉีดเข็ม 3 โง่-ดักดาน-หิวแสง ‘สุชาติ’ ยันวิป 4 ฝ่าย ไม่เคยมีมติ
เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระ เปิดให้สมาชิกหารือ โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า กรณีที่มีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวว่า สภาปิดประชุมเพื่อหนีองค์ประชุมล่ม การประชุมสภาเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงพบว่ามี ส.ส.เข้าร่วมประชุม คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่ขณะนี้เร่งพิจารณาและจะเสร็จสิ้น ประมาณวันที่ 25 – 27 กรกฎาคม โดยพบว่าใน กมธ. ชุดใหญ่ มี ส.ส.ในห้องประชุม ประมาณ 42 คน ส่วนในคณะอนุ กมธ.งบฯ ทั้ง 9 คณะ อีกคณะละ 10 คน ซึ่งการประชุมงบฯพบว่าบางคณะเลิกประชุมท้ายสุด คือ เวลาเที่ยงคืน แม้ ส.ส. ไม่อยู่ในห้องประชุมสภา แต่อยู่ในสภาตลอด ส่วนในที่ประชุมวิป 4 ฝ่าย ไม่มีใครเสนอหรือมีมติให้ฉีดวัคซีน เข็ม 3 และจากการสอบถามไม่พบว่าต้นตอมาจากที่ใด อย่างไรก็ตามการเปิดประชุมของสภา หากประธานมีมติให้นัดประชุมเชื่อว่าส.ส. จะเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า กรณีที่มีข่าวว่ามีมติจะให้ ส.ส.ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ตนในฐานะที่นั่งร่วมประชุมด้วย การพูดเรื่องวัคซีนเข้าใจว่าน่าจะเป็นประเด็นที่ตนอยู่ในห้องประชุม จึงขอถามประธาน ซึ่งอยู่ในที่ประชุมวิปด้วยว่าวิปมีมติให้สภาฉีดเข็มที่ 3 ตอนไหน เป็นมติจริงหรือไม่ และข่าวนั้นหลุดลอดออกไปได้อย่างไร เพราะคนเอาไปเผยแพร่เจตนาที่จะทำให้สมาชิกรัฐสภาเสียหาย และยิ่งคนพูดเป็นมาชิกรัฐสภาด้วยก็ต้องรับผิดชอบ ทำให้เสียเกียรติศักดิ์ของสภาแห่งนี้ ถ้าข่าวจริงตนไม่ว่า ตนเป็นกรรมการอยู่ตรงนั้น ไม่มีมติแต่ประการใด เอาบันทึกการประชุมมาเปิดเผยได้ เราปรึกษาหารือกันว่าเราจะประชุมกันหรือไม่ ด้วยสถานการณ์โควิดขณะนี้ หลายคนเสนอว่าต้องประชุม และตนก็ย้ำว่าต้องประชุม และตนก็เสนอมาตรการว่าถ้าจะประชุมกันจะต้องมีมาตรการเข้มข้นมา ซึ่งประธานก็รับเอาข้อเสนอของตนไป
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า คำว่าเข้มข้นตรงนี้คือ รัฐสภาต้องเป็นแบบอย่างในการที่จะควบคุม ป้องกัน ทำให้กิจกรรมของเราดำเนินการต่อไปได้ โดยใช้วิธีอย่างเข้มข้น ผมเสนอว่าทุกคนที่เข้ามาในอาคารรัฐสภา จะต้องตรวจเชื้อด้วยแรบบิทเทสต์ ทุกคนเพื่อแยกผู้ที่เราไม่เชื่อมั่นว่าเขาจะมีเชื้อเข้ามาหรือไม่ ถ้าพบเป็นผลบวก เราแยกกักกันออกไปทันที ไปสอบหาผู้สัมผัสและแยกโรคต่อ สำหรับท่านนั้นส่งไปทำ RT-PCR นี่คือมาตรการที่เราเสนอเพื่อจะได้เป็นแบบอย่างให้ประเทศนี้ นอกจากนั้นก็เป็นการหาวิธีการไม่ว่าจะเป็นส่วนบุคคลหรือหน่วยงานที่จะต้องดำเนินการ ในการที่จะตรวจคัดกรอง เฝ้าระวัง ซึ่งในเรื่องวัคฉีน ตนถามประธานว่าจำเป็นต้องกระตุ้นหรือไม่ คำว่ากระตุ้นหรือไม่ ตนตอบในเชิงวิชาการว่า วัคซีนที่เรามีอยู่ขณะนี้ 3 ตัว ผมยกตัวอย่างให้ฟังเลย แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค เป็นวัคซีนที่ฉีดแล้วโดยเฉพาะซิโนแวค มีผลการเจาะภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในร่างกาย 1 เดือน ผลขึ้น 92 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 3 เดือน ภูมิต้านทานลดลงเหลือ 65 เปอร์เซ็นต์ และติดเชื้อด้วย ซึ่งลักษณะอย่างนี้ภูมิคุ้มกันตกลง สมาชิกเราทุกคนจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น จึงกราบเรียนประธานว่าต้องเตรียมจัดหาวัคซีนที่ดี เพื่อให้มากระตุ้นกับ ส.ส.หรือสมาชิกรัฐสภาทุกคน รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานในสภาด้วย ใช้คำว่ากระตุ้น ซึ่งเป็นวิธีมาตรการที่ทำกันทั้งโลก เพราะภูมิคุ้มกันจะลดลง 3-6 เดือน เราจำเป็นต้องมีวัคซีนที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อกระตุ้นถ้าเราไม่กระตุ้น หมายความว่า ที่เราฉีดมา เข็มก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด แต่กลับเป็นผู้เผยแพร่เชื้ออีก นี้คือสิ่งที่เราปรึกษาหารือกัน
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ถ้าจะตีความว่าเข็ม 3 เป็นการกระตุ้น เป็นมติของสมาชิกรัฐสภาเรียกร้องให้มาฉีด เป็นการแปลความที่ผิด ไม่ว่าหน่วยงานไหนรัฐ โดยเฉพาะรัฐบาลไทยที่ทำงานแบบโง่ๆ คุณต้องเตรียมเข็ม 3 แล้ว ที่ผ่านมาตามเหตุการณ์ที่ละก้าว คิดล่วงหน้าหรือไม่ ว่าอีก 6 เดือน ว่าแพทย์และพยาบาลที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว จะกระตุ้นอะไร ประชาชทุกคนโดยเแพาะผู้สูงอายุ ฉีดมาแล้ว 2 เข็ม จะกระตุ้นอะไร รัฐบาลต้องคิด ดังนั้นประธานต้องช่วยวางแผนเรื่องนี้แล้วสำหรับพวกเรา คนทำงานในสภาทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะส.ส. ต้องได้รับการกระตุ้นเข็มที่ 3 ในเวลาที่เหมาะสมตามหลักวิชาการทางการแพทย์ ศบค.ออกข้อกำหนดอย่างไร กลุ่มนักวิชาการทางการแพทย์ออกข้อกำหนดมาเมื่อไหร่ วันที่เท่าไหร่ เราต้องเตรียมการ ซึ่งผมคาดว่าไม่เกิน 6 เดือน ทุกคนที่ได้รับวัคฉีดแทบจะไม่มีภูมิคุ้มกัน
“นี่คือสิ่งที่เราหารือกัน ซึ่งผมไม่สบายใจ คนที่ไปออกแถลงข่าวโดยไม่มีข้อมูล ควรจะต้องขอโทษต่อสภาแห่งนี้ และขอให้ประธานตั้งกรรมการสอบด้วย ว่าเขามีจุดประสงค์อะไร ทำลายสมาชิกด้วยกันเอง คิดว่าจะมีชื่อเสียงหรือ คิดว่าจะเป็นข่าวหรือ ถ้าคิดอย่างนั้นคุณเป็นสมาชิกที่โง่มาก ดักดาน หิวแสง พวกโง่” นพ.ชลน่านกล่าว
ขณะที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาไม่ควรจะเสียหายจากความไม่รับผิดชอบของสมาชิกบางคน โดยเอาเรื่องที่ไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียดมาทำให้รัฐสภาเสียหาย ตนเคยเรียกร้องไปว่าเมื่อสมาชิกมาถึงสภาทุกคนต้องรับผิดชอบต่อมาตรการของ ศบค.และมาตรการของสภาอย่างเคร่งครัด เพราะจะต้องเป็นตัวอย่างให้กับสังคม ทั้งนี้ยืนยันว่าในการประชุมวิป 4 ฝ่ายไม่มีใครที่พูดถึงหรือเรียกร้องให้ฉีดเข็ม 3 ให้กับส.ส.มีแต่การพูดถึงเชิงวิชาการเท่านั้น รวมทั้งขอให้รัฐสภาดำเนินการด้วยการมีมาตรการดูแล ส.ส.และบุคคลที่เข้ามาสภาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการตรวจแรบบิทเทสต์
“วันนี้สังคมตำหนิผู้พูดที่เอาข่าวไม่ตรงกับความเป็นจริงไปขยายผลทำให้สถาบันสภาฯเสียหาย เราต้องเดินหน้าการประชุมอย่างเคร่งครัด และขอให้มีมาตรการตรวจแรบบิทเทสต์ ตรวจสอบหาเชื้อ และจัดทำแอพพลิเคชั่นเพื่อให้เกิดความครอบคลุมว่าสมาชิกอยู่ที่ใด ทำอะไร อยากเรียกร้องประธานกำชับฝ่ายเลขาสภา ว่าเจ้าหน้าที่อย่าเกรงใจสมาชิก กำหนดให้มา 1 คน แต่มา 4 คน 8 คน จะมากร่างที่รัฐสภาไม่ได้ หากเราป้องกันได้ก็จะเป็นแบบอย่างที่ดี” นายชินวรณ์กล่าว
ด้านนายสุชาติชี้แจงว่า จากการประชุมวิป 4 ฝ่ายมีการพูดคุยว่าเราควรประชุมสภาต่อไป เนื่องจากสภาเป็นองค์กรที่สำคัญต้องเป็นแบบอย่าง เพราะเรามีหน้าที่สะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่หากเราหยุดหรือเลื่อนการประชุมภาพลักษณ์ของเราก็จะไม่ดี แต่เมื่อดำเนินการต่อไปก็มีข้อเสนอว่าต้องมีมาตรการที่เข้มข้น จึงมีการวิเคราะห์ถึงการแพร่ระบาดของโควิดที่หนักขึ้น รวมทั้งการวิเคราะห์คำพูดหรือวิชาการทางการแพทย์ว่าการป้องกัน เราต้องมองไปข้างหน้าว่าจะควบคุมและแก้ปัญหาอย่างไร เราพูดถึงการฉีด booster เข็มที่ 3 ซึ่งเป็นการพูดถึงส่วนรวมทั้งประเทศ ขอยืนยันว่าไม่ได้พูดถึงหรือมีมติว่าสภาจะต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3
“ถ้าข่าวผิดพลาดไม่ตรงข้อเท็จจริงต้องขอโทษด้วย เราไม่มีมติใดๆ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ส่วนผู้ให้ข่าวผมจะเรียกมาคุยว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ” นายสุชาติกล่าว
