‘เรืองไกร’ มั่นใจ ส.ส.ติดโควิดไม่กระทบประชุม กมธ.งบ 65 ใช้ระบบซูมเข้าช่วย หากไม่ทันอาจถกเพิ่มวันอาทิตย์
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 แถลงผลการประชุม กมธ.ว่า ที่ผ่านมากรรมาธิการได้ใช้เวลาไปแล้ว 19 วัน รวม 160 ชั่วโมง รวมหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาแล้ว 8 กระทรวง 4 กองทุน คิดเป็น 30.9% และเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา กมธ.ได้มีการพิจารณาภาพรวมงบประมาณของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม โดยในที่ประชุมได้มีการหารือและสอบถามเกี่ยวกับผลกระทบและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อ นิสิตนักศึกษา และประชาชน ซึ่ง กมธ.ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพการเรียนการสอน การผลิตนักศึกษาที่ตอบโจทย์ของประเทศและการวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้วย ทั้งนี้ ได้มี กมธ.บางคนสอบถามว่า หน่วยงานมีแนวทางในการช่วยเหลือหรือเยียวยานิสิต นักศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไร เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของนิสิต นักศึกษาและผู้ปกครอง เช่น การปรับลดค่าหน่วยกิตลง และในปัจจุบันหน่วยงานมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับนิสิต นักศึกษาไปแล้วกี่ราย
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมี กมธ.บางคนได้สอบถามเพิ่มเติมว่า หน่วยงานมีนโยบายอย่างไรในการช่วยเหลือประชาชนที่ป่วยโควิด-19 ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ หากหน่วยงานมีการจัดพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อจัดทำเตียงสนามและที่พักสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมาก เพราะพื้นที่ของมหาวิทยาลัย มีระบบสาธารณูปโภค ระบบการกำจัดขยะและมลพิษ และอยู่ห่างไกลจากแหล่งชุมชน ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ได้ชี้แจงว่า หน่วยงานได้ให้นโยบายกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการช่วยเหลือบุคลากรของมหาวิทยาลัยและเยียวยานิสิตนักศึกษาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 3 เรื่อง คือ การช่วยเหลือด้านการเงิน เช่น 1.การลดค่าหน่วยกิต การขยายเวลาการชำระค่าเล่าเรียน และการให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษา ซึ่งอยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละมหาวิทยาลัย 2.การช่วยเหลือประชาคมผู้ประกอบการในมหาวิทยาลัยและผู้ที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย และ 3.การช่วยเหลือบรรเทาภาระทางการศึกษาของนิสิตนักศึกษา เช่น การสนับสนุนการเรียนผ่านสื่อออนไลน์ ช่วยเหลือด้านการสื่อสารต่างๆ ขยายเวลาการศึกษาและการศึกษางาน เพื่อไม่ให้นิสิตนักศึกษามีปัญหาในการจบการศึกษา
นายเรืองไกรกล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องของการฉีดวัคซีนให้นิสิต นักศึกษานั้น หน่วยงานเป็นกลไกสำคัญของประเทศในการฉีดวัคซีนให้กับประซาชน โดยได้มีการฉีดวัคซีนให้กับนิสิตนักศึกษา บุคลากรของหน่วยงาน และประชาชน ปแล้ว 400,000 คน โดยอยู่ในกรุงเทพมหานคร 390,715 คน อยู่ในต่างจังหวัด 56,711 คน ซึ่งบุคลากรด่านหน้าของหน่วยงานได้รับวัคซีนหมดแล้ว และบุคลากรที่เป็นอาจารย์ที่ต้องพบปะคนเป็นจำนวนมากส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว สำหรับนักศึกษาที่ต้องไปปฏิบัติงานภายนอก เช่น นักศึกษาที่ต้องไปฝึกงานส่วนใหญ่ก็ได้รับวัคซีนแล้วเช่นกัน ส่วนเรื่องของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของมหาลัยต่างๆ นั้น ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา หน่วยงานได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ในการเปิดโรงพยาบาลสนามไปแล้วทั้งหมด 53 แห่ง ใน 42 จังหวัด จำนวนประมาณ 12,000 เตียง ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายได้ถึง 25,000 ทั้งนี้ หน่วยงานจะพยายามเพิ่มพื้นที่และจำนวนเตียงต่อไปอีกอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้จะเป็นการพิจารณาอีก 3 กระทรวง คือ กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 7 หน่วยงาน กระทรวงพลังงาน จำนวน 5 หน่วยงาน และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 7 หน่วยงาน
เมื่อถามว่าหากต้องมีการงดประชุม จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการประชุม กมธ.งบ อย่างไร นายเรืองไกรกล่าวว่า มีการปรึกษากันอยู่ ซึ่งวันนี้พรรคก้าวไกลทั้งหมดที่เป็น กมธ.ไม่ได้มีการเข้ามาในห้องประชุม การรักษาระยะห่างและการรักษามาตรการต่างๆ การวัดอุณหภูมิต่างๆ ในห้อง กมธ.ก็ยังดำเนินการ อนุ กมธ.ยังมีการประชุมอยู่ ซึ่งผู้ที่ป่วยก็ไปทำการรักษา ส่วนผู้ใกล้ชิดก็ได้ไปทำการตรวจหาเชื้อ และพรรคเพื่อไทยก็เข้ามาบางส่วน เพื่อให้งานของการพิจารณางบประมาณ 2565 ผ่านไปได้ด้วยดีก็ต้องดำเนินการต่อไปแต่ต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังอย่างเข้มข้น
เมื่อถามว่าหากมีการเลื่อนประชุมสภาออกไปและมีการเลื่อนประชุม กมธ.งบออกไป จะมีผลต่อกรอบระยะเวลา 105 วันหรือไม่ กมธ.จะมีวิธีการอย่างไร นายเรืองไกร กล่าวว่า การพิจารณาหากมีการปรับ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีการใช้ระบบซูมเข้ามาช่วยในการพิจารณา ส่วนคำถามที่ว่าหากพิจารณาไม่ทันภายในกรอบระยะเวลา 105 วัน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญได้บรรญัติชัดว่า หากพิจารณาไม่เสร็จให้ถือว่าเป็นชอบ ผ่านไปได้ด้วยวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ตามที่รัฐบาลเสนอมา
เมื่อถามว่ายังไม่มีการพูดถึงว่าจะมีการงดประชุมใช่หรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า ยัง เพราะเราใช้วิธีการปรับคือการใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยและขอให้ กมธ.พยายามที่จะสรุปคำถาม ความเห็นให้อยู่ในกรอบระยะเวลา เพราะตอนนี้เราพิจารณาล่าช้ามา 10 วัน ซึ่งเราพยายามจะพิจารณาให้ทันภายในกรอบวันที่ 29 สิงหาคม และในวันที่ 21-22 สิงหาคมได้มีการกำหนดกรอบว่าจะต้องผ่านวาระ 2-3 ซึ่งหากต้องเร่งก็จะมีการเพิ่มวันประชุมในวันอาทิตย์