‘ประยุทธ์’ ขอให้คนไทยเชื่อมั่น วัคซีน 3 ยี่ห้อที่ไทยเลือกใช้ WHO รับรองแล้ว-ใช้กันทั่วโลก

เรียกความเชื่อมั่น “บิ๊กตู่” ให้ข่าวรัวๆ ขอให้เชื่อมั่นวัคซีน 3 ยี่ห้อที่ไทยเลือกใช้ WHO ให้การรับรอง ใช้กันแพร่หลายทั่วโลก พร้อมเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อให้ทุกคนในประเทศได้ฉีด

เมื่อเวลา 11.40 น.วันที่ 15 ก.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าวัคซีนที่รัฐบาลเร่งจัดหาให้เป็นวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศทั้ง 3 ยี่ห้อในขณะนี้เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โดยที่แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) และซิโนแวค (Sinovac) ซึ่งเป็นวัคซีนหลัก และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกนั้น ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและยาอีกทั้งได้รับการยืนยันทางการแพทย์และนักระบาดวิทยาว่า มีประสิทธิภาพสามารถลดอัตราการเสียชีวิตและอัตราการเกิดอาการรุนแรงของผู้ติดเชื้อ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้มีแผนการนำเข้าวัคซีนต่างเทคโนโลยี อาทิ วัคซีน Pfizer และวัคซีน Moderna ซึ่งเป็นเทคโนโลยี mRNA และวัคซีน Johnson & Johnson ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Viral Vector Vaccine เช่นเดียวกับ AstraZeneca ขณะที่ ซิโนแวค และซิโนฟาร์มเป็น Inactivated Vaccine เพื่อให้ความมั่นใจว่าทุกคนที่อยู่ประเทศไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและสามารถลดภาวะเจ็บป่วยรุนแรง

นายอนุชากล่าวว่า ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เมื่อวันที่ 15 ก.พ 64, วัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เมื่อวันที่ 7 พ.ค.64 ขณะที่วัคซีนทั้ง 3 ยี่ห้อ องค์การอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติเพื่อให้สามารถใช้ในภาวะฉุกเฉิน โดยแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2564 ซิโนแวค (Sinovac) 22 ก.พ.2564 และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา

“วัคซีนที่ไทยนำเข้ามาใช้ทั้ง 3 ยี่ห้อมีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยแอสตร้าเซนเนก้ามีการใช้แล้วใน 118 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ซิโนแวคมีใช้ใน 37 ประเทศและซิโนฟาร์มมีการใช้ 56 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (The Vaccine Alliance หรือ Gavi) ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างองค์กรรัฐและเอกชน ซึ่งมีทั้งองค์การอนามัยโลก และ UNICEF ร่วมเป็นสมาชิก มีแผนการจัดส่งวัคซีนกว่า 110 ล้านโดส จาก Sinopharm จำนวน 60 ล้านโดส และ Sinovac ประมาณ 50 ล้าน ภายในปีนี้ เพื่อสนับสนุน COVAX ในการแจกจ่ายให้กับประเทศยากจนทั่วโลก ซึ่งถือเป็นความร่วมมือกันในระดับนานาชาติเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโวคิด-19 เพราะทุกประเทศรวมทั้งท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและเห็นสอดคล้องว่า วัคซีนยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับระบาดไปอีกอย่างน้อยใน 1-2 ปีข้างหน้า” นายอนุชากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image