ระลอก 3 ตัวแปรสำคัญโควิดโลก ‘พิธา’ ซัด รบ.บริหารล้มเหลว แนะ ทางป้องวิกฤตในระยะอันใกล้

ระลอก 3 ตัวแปรสำคัญโควิดโลก ‘พิธา’ ซัด รบ.บริหารล้มเหลว แนะ ทางป้องวิกฤตในระยะอันใกล้

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

ถึงเวลานี้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์โควิดของประเทศไทยจะย่ำแย่กว่าที่คิด หากมองแบบนักยุทธศาสตร์เพื่อจะได้สามารถมองสถานการณ์ให้ออก คิดไปข้างหน้าและบริหารจัดได้นำสถานการณ์ได้นั้น เราจำเป็นต้องดูสถานการณ์ภาพกว้างก่อนที่จะลงไปดูลึกในรายละเอียด

โดยคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่เป็นรัฐบาล แน่นอนว่าจำเป็นต้องดูทั้งกว้าง ดูทั้งลึก ดูทั้งหนัก และดูทั้งเร็ว

Advertisement

เมื่อดูด้านกว้าง ตอนนี้สถานการณ์โควิดทั่วโลกถือว่าไม่ดีเอาซะเลย ด้วยปัจจัยในเรื่องที่เชื้อกลายพันธุ์ มีสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กรณีของประเทศอินเดียมีอีก 1 สายพันธุ์ที่ไม่ใช่แค่สายพันธุ์เดลต้าเท่านั้น ประเทศฟิลิปปินส์เองก็มีสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่ชื่อว่าทีต้า แล้วในโลกเราก็ยังมีสายพันธุ์แลมบ์ดาที่ระบาดอยู่ในประเทศแถบอเมริกาใต้อย่างประเทศชิลี

ยิ่งไปกว่านั้น หากใครไปดูกราฟข้อมูลขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO จะเห็นว่ากราฟขณะนี้กำลังจะขึ้นอีกหนึ่งรอบ และยังจะพบภูเขา 2 ลูก คือภูเขาลูกแรกเป็นช่วงที่ยุโรปและสหรัฐอเมริการะบาดหนัก เป็นช่วงเวลาที่บุคลากรทางสาธารณสุขต้องเลือกว่าจะเอาเครื่องช่วยหายใจช่วยใคร หรือไม่ช่วยใคร เพราะเครื่องช่วยหายใจมีน้อยกว่าจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการ

และพอมาภูเขาลูกที่สอง เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย สถานการณ์หนักหนาสาหัสคล้ายๆ กันกับที่เกิดขึ้นในยุโรปและสหรัฐอเมริกา

Advertisement

แต่ตอนนี้ผมสังเกตเห็นว่าภูเขาลูกที่ 3 กำลังจะเกิดขึ้น ผมคาดว่าภูเขารอบนี้จะมีตัวเลขจากประเทศอาเซียนที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจากข้อมูล เริ่มเห็นว่ามีสันเขาเกิดขึ้นแล้ว แม้ว่าในประเทศแถบยุโรปและอเมริกา กราฟจำนวนผู้ติดเชื้อของเขาจะเพิ่มขึ้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่ารอบก่อนหน้า และตัวเลขผู้เสียชีวิตก็มีสัดส่วนไม่มาก เนื่องจากประชากรได้รับวัคซีนกันเป็นจำนวนมากแล้ว แต่เมื่อพอไปดูประเทศอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และดูที่ประเทศไทย พบว่ามีจำนวนขึ้นมากทั้งคนติดเชื้อและผู้เสียชีวิต โดยกราฟขึ้นสูงจนมีรูปลักษณะเริ่มเป็นสันเขา

สิ่งที่ข้อมูลชุดนี้กำลังบอกพวกเราคือ

1. การแย่งชิงวัคซีนจะหนักมากขึ้น
เพราะในปัจจุบันเราต่างทราบกันแล้วว่าวัคซีนชนิด mRNA เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะสามารถยับยั้งสายพันธุ์ไวรัสที่หลากหลายได้ เมื่อมีการระบาดรอบใหม่ปะทุขึ้นอีกครั้ง แต่ละประเทศก็จะยิ่งมีความต้องการวัคซีน mRNA มากขึ้นอีก ดังนั้นเราต้องวางแผนที่จะจัดหาวัคซีน mRNA ไปในอนาคตข้างหน้าให้เพียงพอ

2. การบริหารชายแดนจำเป็นต้องทำอย่างเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ของประเทศไทยที่มีพื้นที่ติดกับมาเลเซีย และรวมไปถึงเขตแดนที่ติดกับประเทศพม่า และกัมพูชาด้วย เพื่อให้เราสามารถควบคุมการระบาดในแต่ละพื้นที่ได้ ถ้าทำไม่ได้ ผู้ติดเชื้อในประเทศไทย 15% ที่เป็นแรงงานข้ามชาติ ก็มีแนวโน้มที่จะสูงมากขึ้น

3. ต้องทบทวนนโยบายทางเศรษฐกิจใหม่ เพราะเศรษฐกิจที่ประเทศไทยหวังจะพึ่งให้การส่งออกเป็นพระเอก เหมือนดังที่กระทรวงพาณิชย์แถลงออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถ้าเจอกับการระบาดที่มีคนในประเทศติดเชื้อเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับที่อื่นในโลก ก็จำเป็นต้องเริ่มคิดกันใหม่ รวมไปถึงเรื่องการท่องเที่ยว ที่เคยคาดหวังว่าจะเปิดได้เร็ว ก็ต้องกลับมาทบทวนด้วย

นอกจากสามข้อนี้ หากจะเกิดการระบาดหนักหนาสาหัสเป็นภูเขาลูกที่ 3 นั้น จำเป็นต้องมีการเตรียมการและเตรียมความพร้อม ทั้งเรื่องยา เรื่องวัคซีน เรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ และรวมไปถึงเรื่องเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลละเลยมาตลอดด้วย

ที่เคยคาดการณ์กันเอาไว้ว่าต้องการเตียงเท่าไหร่ มี ICU เท่าไหร่ มีเครื่องช่วยหายใจเท่าไหร่ มีเครื่องออกซิเจนเท่าไหร่ ต้องมียา Favipiravir เท่าไหร่ ต้องมียา Remdesivir รวมถึงยาอื่นๆ เท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้อาจต้องเตรียมเพิ่มไปอีกให้มากขึ้นในระดับ 30% ด้วย

เพราะเหล่านี้คือเรื่องของการดูสถานการณ์ให้หนักเอาไว้ก่อน เพื่อที่ว่าจะได้รับมือและจัดการสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสถานการณ์แบบนี้ คงไม่มีใครจะมาบอกว่า “เตรียมเผื่อเหลือมากเกินไป”ในเรื่องของสต็อกยา ในเรื่องของจำนวนเตียง ในเรื่องของเครื่องช่วยหายใจ เพราะสถานการณ์วันนี้ ไม่มีคำว่ามากเกินไปในการเตรียมสิ่งสำคัญเหล่านี้เพื่อช่วยเหลือชีวิตทุกชีวิตที่มีค่าของประชาชน

ในเรื่องที่ต้องดูให้เร็วมากขึ้นนั้น ต้องเท้าความไปว่าจากที่ผมได้นั่งเป็นกรรมาธิการงบประมาณฯ ก็ได้รับฟังจากผู้บริหารหน่วยงานทางด้านสาธารณสุขที่เข้ามาชี้แจงนั้น ซึ่งตัวผมเองก็ได้ตั้งคำถามไปว่า ตอนที่มาขอสภาก่อนหน้านี้ เป็นเงินงบประมาณในส่วนที่มาจากการออก พ.ร.ก. เงินกู้ฉุกเฉินฯ ที่ให้เงินไป 4 หมื่น 5 พันล้านบาทนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว ก็เพื่อว่าต้องการให้เกิดความรวดเร็ว แต่ปรากฎว่าช้าทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นกรณีของกรมการแพทย์ ที่ต้องอนุมัติให้ซื้อเครื่องช่วยหายใจ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ในกรณีของโรพยาบาลราชวิถี ยังต้องขอรับเงินบริจาคอยู่เลย พอถามว่าทำไมจึงช้า ข้าราชการระดับสูงก็มักจะชี้แจงว่าต้องทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย กอดกฎหมายกันเอาไว้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จะทำเหมือนประเทศไม่มีวิกฤตไม่ได้

อย่างในกรณีของประเทศสหรัฐอเมริกา สิ่งที่เขาทำคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้วัคซีนเร็วที่สุด ให้ได้วัคซีนที่ดีที่สุด ให้ได้อุปกรณ์ที่ดีที่สุดและกระจายไปทั่วประเทศให้เร็วที่สุด เพราะนี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่นี่คือสถานการณ์วิกฤติ จะทำอะไรแบบเดิมๆ ไม่ได้

แต่เมื่อกลับมาย้อนดูกรณีของประเทศไทยนั้น ที่ผู้บริหารสูงสุดอย่างนายกรัฐมนตรีก็รวบไปทั้งอำนาจ รวบไปทั้งงบประมาณ และรวบกฎหมายไปด้วย อำนาจที่มากล้นเหล่านี้ นอกจากจะสามารถข้ามขั้นตอนกฎระเบียบราชการไปได้แล้ว หากบริหารจัดการได้ดีและถ้าโชคดี ประเทศไทยคงไม่ต้องมาเจอกับภาวะวิกฤติถึงเพียงนี้ สิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำ ยังช้าและตามหลังสถานการณ์อยู่เสมอ

นายกรัฐมนตรียังทำงานแบบรัฐราชการ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความเดือดร้อนของประชาชน ชี้นิ้วโทษแต่ประชาชน ยิ่งไปกว่านั้นรัฐราชการตอนนี้ก็เทอะทะเกินไป ทำให้กระบวนการทุกอย่างทอดเวลาที่ยาวนานเกินไป ไม่ทันสถานการณ์ ไม่สามารถรับมือกับสภาวะวิกฤตได้

ต้องไม่ลืมว่าทั้งหมดนี้เรากำลังพูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชน เป็นชีวิตของผู้คนที่มีตัวตนจริงๆ มีเลือดเนื้อเชื้อไข มีความรู้สึก มีคนที่พวกเขารักและรักเขา

สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด คือการที่ต้องมองกว้างคือการมองออกไปทั่วโลก เพื่อให้เห็นภูมิทัศน์ของสภาพแวดล้อมทั้งหมด ว่าเราต้องอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ต้องมีท่าทีอย่างไร และต้องมองให้ลึก มองให้แตกฉานในกรณีของประเทศไทย เพื่อที่ได้จะเตรียมพร้อมรับมือได้ทัน รวมทั้งจำเป็นต้องดูให้เร็ว คิดไปข้างหน้า ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้วัคซีนเร็วที่สุด ให้ได้วัคซีนที่ดีที่สุด ให้ได้อุปกรณ์ที่ดีที่สุดและกระจายไปทั่วประเทศให้เร็วที่สุด มีเครื่องช่วยหายใจเพียงพอ มีเตียงพอ มี ICU เพียงพอ ไม่ใช่ยังกอดกฎหมายเก็บขั้นตอนราชการเอาไว้อยู่แบบทองไม่รู้ร้อน จนทำให้บริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตล้มเหลวแบบนี้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image