เพื่อไทย จี้ถอนออปชั่นเรือดำน้ำ มูลค่า 4.5 หมื่นล้านออก ‘ประเสริฐ’ แฉ กมธ.งบพยายามประชุมลับ แต่แห้ว

เพื่อไทย จี้ถอนออปชั่นเรือดำน้ำ มูลค่า 4.5 หมื่นล้านออก ‘ประเสริฐ’ แฉ กมธ.งบพยายามประชุมลับ แต่แห้วสมาชิกไม่เห็นด้วย ด้าน ‘ยุทธพงศ์’ ฉะ ‘บิ๊กตู่’ ใจดำ จนแต้ม จึงยอมถอนงบเรือดำน้ำออก เตรียมแฉข้อมูลเพิ่ม-อภิปรายไม่ไว้วางใจ

เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 19 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 พร้อมด้วยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ในฐานะโฆษก กมธ.งบ ร่วมกันแถลงกรณีการพิจารณางบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ

โดยนายประเสริฐกล่าวว่า การพิจารณาของ กมธ.งบ วันนี้เป็นการพิจารณาในส่วนของกระทรวงกลาโหม เป็นการประชุมแบบซูม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างที่ผู้ซักถามและผู้ชี้แจง ซึ่งตนมีข้อสังเกตว่า 1.การพิจารณางบกลาโหมครั้งนี้มีความพยายามพิจารณาอย่างรวบรัดครั้งเดียวในภาพรวม 8 หน่วยงาน ในขณะที่กระทรวงอื่นจะเป็นการพิจารณาที่ละหน่วยงาน เช่น กระทรวงศึกษาธิการก็จพิจารณา สำนักปลัด สปฐ. อาชีวะศึกษา เรียงกันไป แต่วันนี้เป็นการพิจารณารวดเดียว 8 หน่วยงาน และให้กมธ.ซักถามเพียง 7 นาที ซึ่งไม่เพียงพอ เพราะงบกลาโหม มีวงเงินจำนวนมากควรต้องพิจารณาอย่างรอบครอบ และ2.ในการประชุมกมธ.ฯฝ่ายรัฐบาล เสนอให้มีการประชุมลับ ทั้งๆ ที่เป็นการประชุมแบบซูม ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่ต้องการซักถามกลาโหม ไม่ใช่ข้อมูลลับ แต่เป็นเรื่องที่ต้องเปิดเผย ในที่สุดที่ประชุมก็ไม่มีการประชุมลับตามที่มีความพยายาม

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ส่วนที่กองทัพเรือถอนงบเรือดำน้ำออกไป ก็ยังมีเรื่องของการสร้างท่าเทียบเรือ การสร้างโรงซ่อม และองค์ประกอบอื่นๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งน่าจะมีจำนวนหลายพันล้านบาท ดังนั้นเห็นว่าเมื่อเอาเรือดำน้ำออกไปแล้ว 2ลำ สิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องก็ควรปรับลดออกไปเลย ซึ่งขณะนี้รอคำตอบจากกองทัพเรืออยู่ว่าจะถอนออกหรือไม่

Advertisement

ด้านนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ในช่วงการอภิปรายงบกระทรวงกลาโหม ตนเสียเวลาไปคนเดียวประมาณ 2 ชั่วโมง เนื่องจาก นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประะานกมธ.ฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ไม่ยอมให้อภิปราย เนื่องจากตนจะเปิดหนังสือที่กองทัพเรือ ส่งไปถึงประเทศจีนว่า1.ให้เร่งรัดมาลงนามในสัญญาเรือดำน้ำลำที่2-3 ก่อนวันวันที่ 30 กันยายน 2563 เพราะ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.ในขณะนั้นจะเกษียณอายุราชการ ตนถึงตั้งขอสังเกตว่าการจัดซื้อจะเป็นแบบจีทูจีได้อย่างไร และ 2.เรือแอลพีดี จำนวน 6,200 ล้านบาท แต่เป็นเรือเปล่าที่ไม่มีอาวุธซึ่งการซื้อเรือรบแต่ไม่มีอาวุธ เป็นไปได้อย่างไร และลำนี้ก็เป็นแบบจีทูจีเหมือนกัน สุดท้ายหนังสือก็ไม่สามรถเปิดในห้องประชุมได้ แต่กมธ.ซีกรัฐบาลโดยเฉพาะนายสันติไม่ยอม และยังมีการขอให้ประชุมลับซึ่งสมาชิกคัดค้านจนสำเร็จ ขณะเดียวกันเรือดำน้ำลำแรก ที่บอกว่าเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ แต่เวลากองทัพเรือจ่ายงินทำไมไม่จ่ายให้กระทรวงกลาโหมของจีน กลับจ่ายเงินให้บริษัท ซีเอสโอซีฯ ซึ่งเรื่องนี้ตนถามไปแล้ว และรอผู้บริหารของกองทัพเรือชี้แจง

นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีงบลับในส่วนของกองทัพเรือ กองทัพบก กองทัพอากาศ และกองบัญชาการทหารสูงสุด ประมาณ 470 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทัพบก 290 ล้านบาท กองทัพเรือ 62 ล้านบาท กองทัพอากาศ 30 ล้านบาท สำนักปลัดกระทรวงกลาโหมอีก 32 ล้านบาท กองบัญชาการกองทัพไทย 55 ล้านบาท ซึ่งตนขอถามว่ามีเหตุผลอะไรต้องมีงบลับอีก เพราะตอนนี้ประเทศกำลังมีปัญหาเรื่องงบประมาณที่ใช้ต่อสู้กับโควิด

นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า ทราบปีนี้มีการตั้งงบในการซื้อโดนระบบป้องกันชายฝั่ง 4,500 ล้านบาท อยากถามว่ามีความจำเป็อะไรที่ต้องไปซื้อโดนในภาวะที่ประเทศ และประชาชนกำลังอดยาก หิวโหย และยังมีโครงการซื้อระบบศูนย์วิทยุสื่อสารเรือดำน้จำนวน 300 ล้านบาท ดังนั้นตนเสนอให้ตัดทิ้งหมดเลย และให้โหวตให้ห้องใหญ่ ไม่ต้องส่งไปให้คณะอนุฯ เพราะอนุฯจะใหญ่กว่า กมธ.ใหญ่ไม่ได้ แพ้ก็แพ้จะได้รู้ว่ามีใครบ้างที่ให้ผ่าน และการประชุม กมธ.วันนี้ (19 กรกฎาคม) ยังไม่ยุติ แต่มีความพยายามขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านตลอดเวลา

นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนที่โฆษกระทรวงกลาโหม ออกมาบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้มีการถอนเรื่องเรือดำน้ำ 2 ลำออกไป เพราะเห็นแก่ความเดือดร้อนของประชาชน ที่ประสบวิกฤตโควิด และยังเหน็บแนมฝ่ายค้านว่า อย่าโยงจีทูจีเพราะจะไปกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น เหตุที่ต้องถอน เพราะพล.อ.ประยุทธ์ใจดำมาก ปากกลับใจไม่ตรงกัน ถ้าพวกตนไม่มาฟ้องสื่อจะยอมถอนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น และหากรวมโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำและอุปกรต่าางๆที่เกี่ยวข้องด้วยกันแล้วจะมีมูลค่า 45,000 ล้านบาท ไม่ใช่แค่ 22,500 ล้านบาท ดังนั้นต้อตัดงบเรือดำน้ำทิ้งทั้งหมด

“มีคนถามว่าทำไมพวกผมพูดจารุนแรง เพราะพวกผมต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพราะพวกผมเป็นส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่มาทำหน้าที่วันนี้ก็ไม่กล้วตาย ถ้ากลัวตายก็ไม่มา กลัวติดโควิดก็ไม่มา และเห็นว่าที่พล.อ.ประยุทธ์สั่งถอนเพราะกลัวจนแต้ม ประชาชนรับไม่ได้ กลัวคนออกมาขับไล่ และ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น รมว.กลาโหม จะไม่รู้ว่ามีการจัดซื้อเรือดำน้ำได้อย่างไร ถ้าท่านไม่ลงนามเขาจะจัดซื้อได้หรือไม่ มิน่าคนเขาถึงออกมาไล่พล.อ.ประยุทธ์ทุกวัน และผมพร้อมสู้ทุกคดี เอาชีวิตเป็นเดิมพัน และจะเอาข้อมูลใหม่มาแฉและเอาไปอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย” นายยุทธพงศ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image