‘พิจารณ์’ ข้องใจประธาน กมธ.งบ สั่งผ่าน ‘งบกลาโหม’ แบบงงๆ ชี้เลื่อนซื้อเรือดำน้ำเบี่ยงปมโดรน 4 พันล้าน?

‘พิจารณ์’ ข้องใจ ประธาน กมธ.งบ สั่งผ่าน ‘งบกลาโหม’ แบบชวนงง คาใจงบ กอ.รมน. 7.9 พันล้าน ยังไม่ชี้แจง เผย เลื่อนซื้อ ‘เรือดำน้ำ’ แค่เบี่ยงประเด็น ของจริงสอดไส้ซื้ออากาศยานไร้คนขับ 4,100 ล้าน-โปรเจ็กต์บ้านพักทหารพรึบ แฉ ระดับผู้บริหารฯ อยู่หลังละ 7 ล้าน

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที ใน กมธ.พิจารณางบประมาณ 2565 แสดงความเห็นต่อการพิจารณางบประมาณกระทรวงกลาโหมในวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า ในฐานะคนที่ติดตามงบประมาณกระทรวงกลาโหม รู้สึกข้องใจกับการผ่านงบกลาโหมเป็นอย่างมาก เนื่องจากภายหลังเกิดการถกเถียงกันในที่ประชุม กมธ. ประธานกลับสั่งปิดการประชุมและให้ผ่านการพิจารณางบกลาโหมไปแบบงงๆ ทั้งที่หลายคำถามที่พรรค ก.ก.ขอให้ชี้แจง กองทัพยังไม่ชี้แจง รวมถึง กอ.รมน.ซึ่งมีงบประมาณเกือบ 7.9 พันล้านบาท ตนคิดว่าประธาน กมธ.ซึ่งเป็นคนจากรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าการรวบรัดผ่านการพิจารณากลาโหมในครั้งนี้ มีอะไรไม่โปร่งใสหรือไม่ และทำไมเฉพาะหน่วยงานนี้จึงเห็นประธาน กมธ.ออกมาทำหน้าที่ปกป้องหน่วยงานมากเป็นพิเศษกว่ากระทรวงอื่นๆ

นายพิจารณ์กล่าวว่า เมื่อกองทัพยอมถอยเลื่อนงบประมาณเรือดำน้ำแล้ว กลับกลายเป็นคนให้ความสนใจเฉพาะงบประมาณเรือดำน้ำแล้วละเลยความโปร่งใสของงบประมาณส่วนอื่นไป งบประมาณของกองทัพ 2.03 แสนล้านบาทนี้ ยังมีงบประมาณอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่โปร่งใสและชวนให้ตั้งคำถาม ทั้งงบประมาณที่สิ้นเปลือง สอดไส้งบของส่วนราชการอื่น และมีงบที่ไม่ใช่ภารกิจ

นายพิจารณ์กล่าวว่า กรณีงบประมาณที่สิ้นเปลือง เช่น โครงการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างบ้านพักทหารซึ่งมีทุกเหล่าทัพ งบสร้าง-ซ่อมบ้านพักของกองทัพอากาศ 344 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 40% ของงบก่อสร้างในแผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคงที่มีงบทั้งหมด 878 ล้านบาท, โครงการอาคารพักข้าราชการกองเรือดำน้ำในพื้นที่กองเรือยุทธการ วงเงินงบประมาณ 294 ล้านบาท ก็มีความน่าสงสัย เพราะมีการประกาศจัดซื้อจัดจ้างและและยกเลิกถึง 3 ครั้งด้วยกัน โดยใช้วิธีการประกาศเชิญชวน, โครงการก่อสร้างบ้านผู้บริหารระดับสูง จำนวน 4 หลัง มูลค่า 30 ล้านบาท ตกแล้วราคาหลังละประมาณ 7 ล้านกว่าบาท และยังมีโครงการก่อสร้างอาคารพักขนาด 32 ครอบครัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก จำนวน 4 หลัง มูลค่า 174 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่ารวม 348 ล้านบาท

Advertisement

“สรุปแล้วสร้างบ้านพักไม่พอ หรือกำลังพลมากเกินไปกันแน่ อย่างในกรณีของกองทัพบก ชี้แจงว่ายังมีกำลังพลอีก 5 หมื่นกว่านาย ที่ยังไม่มีบ้านพัก สะท้อนให้เห็นถึงความใหญ่เทอะทะอุ้ยอ้ายของกำลังพล เป็นภาระจากทั้งงบบุคลากร และงบสวัสดิการ การที่กองทัพต้องจัดสวัสดิการที่ดีให้กำลังพลเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เมื่อกำลังมีขนาดใหญ่โตเกินไป จึงกลายเป็นภาระงบประมาณที่อาจเกินความจำเป็น” นายพิจารณ์กล่าว

นายพิจารณ์กล่าวต่อว่า งบก่อสร้างบ้านพักอีกก้อนที่น่าสงสัย เป็นงบประมาณผูกพันสำหรับก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยสูง 13 ชั้น จำนวน 175 ห้องพร้อมที่จอดรถ ตั้งอยู่ที่ถนนอู่ทองนอกให้กับข้าราชบริพารภายใต้สังกัดส่วนราชการในพระองค์และครอบครัว วงเงินก่อสร้าง 620.5 ล้านบาท และมีค่าจ้างที่ปรึกษาตลอด 4 ปี เพื่อดูแลโครงการนี้อีก 21.7 ล้านบาท ทำให้มูลค่าโครงการทั้งหมดคิดเป็นงบประมาณ 642.2 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2565 มีงบประมาณที่ตั้งไว้ 283 ล้านบาท เหตุใดงบประมาณการสร้างอาคารที่พักให้กับข้าราชบริพารและครอบครัว จึงอยู่ในงบประมาณของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ทั้งที่ไม่ได้เป็นสวัสดิการสำหรับบุคลากรในสังกัดของตนเอง

นายพิจารณ์กล่าวว่า ในปี 2565 ยังมีการตั้งงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับเรือดำน้ำ 10 กว่ารายการ รวมงบประมาณ 3,760 ล้านบาท มีรายการที่ตั้งใหม่ด้วย คือโครงการสร้างระบบสื่อสารควบคุมบังคับบัญชาเรือดำน้ำ งบประมาณผูกพัน 3 ปี วงเงิน 300 ล้านบาท และในการจัดซื้อจัดจ้างยังมีข้อพิรุธอย่างมาก เช่น โครงการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำระยะ ที่ 1 พบว่าตั้งงบประมาณไว้ที่ 900 ล้านบาท แต่มีการประกาศจัดซื้อจัดจ้างแบบแล้วยกเลิกถึง 5 ครั้งด้วยกัน

Advertisement

“ครั้งแรก ประกาศให้มีการจัดซื้อจัดจ้างแบบวิธีการคัดเลือก ในครั้งที่ 2 ให้เปลี่ยนเป็นวิธีแบบเฉพาะเจาะจง แล้วต่อมาก็ประกาศยกเลิก แล้วก็มาประกาศใหม่เป็นครั้งที่ 3 ให้จัดซื้อแบบเฉพาะเจาะจง แล้วก็มีการยกเลิก ต่อมาก็มาประกาศใหม่เป็นครั้งที่ 4 ให้จัดซื้อแบบเฉพาะเจาะจง แล้วก็ได้มีการประกาศยกเลิกอีกครั้ง และพอมามาประกาศใหม่เป็นครั้งที่ 5 ให้จัดซื้อแบบเฉพาะเจาะจง ถึงได้ผู้ชนะ เป็นบริษัทจากประเทศจีน China Shipbuilding and Offshore International Co.,Ltd. (CSOC) ซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทเดียวกันกับผู้ขายเรือดำน้ำ และเมื่อดูเนื้องานแล้วเป็นงานโยธา งานทั่วไป เหตุใดจึงไม่เปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนไทย สามารถเข้าแข่งขัน เชื่อได้ว่าอาจกำหนดตั้งแต่ TOR ทำให้บริษัทไทยไม่สามารถเข้าหลักเกณฑ์

“นอกจากโครงการนี้ยังมีกรณีโครงการก่อสร้างโรงซ่อมเรือดำน้ำ วงเงินงบประมาณเกือบ 958 ล้านบาท ก็มีการประกาศและยกเลิกถึง 4 ครั้งด้วยกัน ถึงได้ผู้ชนะการประมูลแบบเฉพาะเจาะจง และมีโครงการอาคารพักข้าราชการกองเรือดำน้ำในพื้นที่กองเรือยุทธการ ที่ได้พูดไปแล้ววงเงินงบประมาณ 294 ล้านบาท ก็มีการประกาศและยกเลิกถึง 3 ครั้งด้วยกัน โดยใช้วิธีการประกาศเชิญชวน ในชั้นกรรมาธิการได้มีการถามถึงข้อพิรุธในกรณีที่กล่าวมาทั้งหมดเกี่ยวกับเรือดำน้ำ กองทัพเรือกลับเลี่ยงตอบถึงความไม่โปร่งใสนี้” นายพิจารณ์กล่าว

นายพิจารณ์กล่าวว่า การที่กองทัพเรือออกข่าวว่าจะเลื่อนการซื้อเรือดำน้ำออกไปเป็นการเบี่ยงความสนใจของสังคมให้ไปโฟกัสที่เรือดำน้ำ แล้วสอดไส้ผ่านงบประมาณอื่นได้ง่ายขึ้น เรายังเห็นมีตั้งซื้ออาวุธ มูลค่าสูงของกองทัพเพิ่มเติมในปีนี้ เช่น อากาศยานไร้คนขับ มูลค่าโครงการรวม 4,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งงบปี 65 จำนวน 820 ล้านบาท แล้วที่เหลือผูกพันงบประมาณไปอีก 4 ปี ผมจึงอยากถามว่าในภาวะที่ประชาชนกำลังยากลำบากจากวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ กองทัพกลับยังตั้งซื้ออาวุธเป็นปกตินั้นมีความเหมาะสมหรือไม่

นายพิจารณ์กล่าว่า การให้ทหารมาบริหารประเทศ และนำเอาความมั่นคงทางการทหารมาเป็นอันดับแรก ก็จะคำนึงถึงความพร้อมในการป้องกันประเทศ การจัดซื้ออาวุธ มีการตั้งโรงงานผลิตทุกอย่าง ทั้งแบตเตอรี่ ยางรถยนต์ กระสุนปืน ผลิตสินค้าที่กองทัพคิดว่าเป็นยุทธภัณฑ์ทุกอย่างยันแป้งป้องกันสังคัง ซึ่งต้องกล่าวด้วยว่าสินค้าที่กองทัพผลิตเองมีราคาสูงกว่าการจัดซื้อจากภายนอกมาก

“ในทางกลับกันไม่มีความพร้อมด้านสาธารณสุข ไม่มีเตียง ICU รองรับ ไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ถ้าเปรียบเป็นสงคราม ก็แพ้สงครามแล้ว ประชาชนตายเป็นใบไม้ร่วง เพราะฉะนั้นต้องหยุดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ จึงขอเรียกร้องไปยัง กมธ.ว่าต้องพิจารณางบประมาณให้ละเอียด และถี่ถ้วนมากขึ้น เพื่อให้งบประมาณแผ่นดินทุกบาทกลับไปถึงประชาชนอย่างแท้จริง” นายพิจารณ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image