ญัตติ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้อนาคต ประยุทธ์ จันทร์โอชา
มติ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านที่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ภายในเดือนสิงหาคม เป็นมติอันดำเนินไปตามบทบัญญัตของรัฐธรรมนูญ
เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในฐานะ ‘ผู้แทนปวงชน’ ในการตรวจสอบและควบคุมรัฐบาล
เห็นได้จากการนำร่องโดยพรรคเพื่อไทยและประสานขานรับจากไม่ว่าพรรคก้าวไกล ไม่ว่าพรรคเสรีรวมไทย ไม่ว่าพรรคประชาชาติ ไม่ว่าพรรคเพื่อชาติ ไม่ว่าพรรคพลังปวงชนชาวไทย
นี่คือการร่วมกันทำงานการเมืองของ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่คราวนี้เป้าหมายใหญ่พุ่งไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเป็นเอกภาพ
หากจะแตะไปยังพรรคภูมิใจไทย หากจะแตะไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นไปตามความจำเป็นมิได้เป็นด้านหลัก
ด้านหลักยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แน่วแน่ มั่นคง
ยุทธศาสตร์นี้จึงเด่นชัดยิ่งว่าเป็นการรวมศูนย์พลังเป็นเหมือน กับกำปั้นเหล็กกระหน่ำตีไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จุดเดียว
หากตรวจสอบกับวาระที่จะต้องกำหนดขึ้นภายในเดือนสิงหาคมก่อนที่จะหมดวาระการประชุมรัฐสภาในเดือนกันยายน ก็เห็นเด่นชัด ว่าสอดรับกับวาระสำคัญของรัฐบาล
นั่นก็คือ วาระที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่าจะเปิดประเทศให้ได้ภายในกำหนด 120 วัน
เป็น 120 วันจากที่ประกาศเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม
คำว่า ‘เปิดประเทศ’ ซึ่งออกจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวเฉพาะหน้าอาจหมายถึงการเริ่มต้นโครงการ ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ ในวันที่ 1 กรกฎาคม
ขณะที่ชะตากรรม ‘ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์’ ดำเนินมาอย่างไร
สังคมย่อมรับรู้อยู่เป็นอย่างดีว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพียงใด
กำหนด ‘เปิดประเทศ’ กับกำหนดแห่งญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อ ลงมติไม่ไว้วางใจจึงมีความสัมพันธ์และเป็นดัชนีชี้วัดทิศทางของประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นอย่างดี
ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปจึงเหมือน ‘นำร่อง’ ทางการเมือง
โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะให้คำตอบได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าในที่สุดจะเปิดประเทศได้ตามเป้าหมายหรือไม่