บทนำมติชน : ศพริมถนน
ผลกระทบจากโควิดระลอก 4 ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งสูง ทำให้ระบบต่างๆ รองรับไม่ได้ แต่ละวันมีประชาชนหลั่งไหลไปเข้าแถวรับการตรวจเชิงรุก แม้รัฐบาลไฟเขียวให้ตรวจด้วยชุดตรวจ เพื่อลดความแออัดในการรอตรวจ แต่ก็ยังมีความยุ่งยากซับซ้อน ส่วนผู้เสียชีวิตที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ วัดต่างๆ ต้องเร่งเผา ทำให้เกิดสภาพเมรุแตก เตาเผาเสียหาย หรือไม่เพียงพอต้องขอระดมทุนมาซื้อเตาเพิ่ม บางแห่งเผาศพจนหลังคาเมรุลุกไหม้
สภาพราวกับอยู่ในฝันร้าย ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นการที่มีผู้ติดเชื้อมากขึ้น ทำให้เกิดวิกฤตในโรงพยาบาล หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ติดเชื้อ เตียงไม่พอ ภาครัฐต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายแห่งไม่มีความพร้อม ขาดทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ดูแล และอุปกรณ์การแพทย์ ภาพข่าวผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย ต้องนอนรอเตียงโรงพยาบาล ไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันการณ์เริ่มปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ หลายรายเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาญาติพี่น้อง โดยไม่สามารถทำอะไรได้ โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุน่าสลดใจ มีประชาชนเสียชีวิตบนทางเท้าริมถนนใน กทม. 3 ราย 1 ใน 3 รายป่วยโควิด อาการกำเริบ พลเมืองดีพยายามแจ้งขอความช่วยเหลือ มีผู้นำถังออกซิเจนไปช่วย แต่สุดท้ายเสียชีวิต หลังเสียชีวิต ปรากฏว่าไม่มีหน่วยงานใดมาเก็บศพ ต้องทิ้งร่างไร้วิญญาณไว้ข้างถนน กว่า 10 ชั่วโมง เนื่องจากความเกรงกลัวเรื่องการติดเชื้อโควิด ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อต่างๆ สร้างความสลดใจสะเทือนใจแก่ประชาชนโดยทั่วไป
ถือเป็นการบ้านของรัฐบาล ที่จะต้องมองเห็นปัญหา และหาทางช่วยเหลือ เร่งจัดระบบรักษาพยาบาลให้เพียงพอทั้งโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ระบบการช่วยเหลือผู้ป่วย จัดหาอุปกรณ์ป้องกันเชื้อให้หน่วยงาน ในการเข้าช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ หรือผู้ป่วย และสุดท้ายคือการเข้าเก็บศพ สิ่งสำคัญที่สุด คือการหยุดตัวเลขติดเชื้อและเสียชีวิต ซึ่งจะทำไม่ได้ แม้ล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น หากไม่มีวัคซีนที่มีคุณภาพเพียงพอมาฉีดให้ประชาชนเมื่อภาครัฐประเมินผิดพลาด ทำให้ไม่มีวัคซีนที่มีปริมาณและคุณภาพเพียงพอ ยิ่งต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา ด้วยการช่วยเหลือประชาชนอย่างฉับไว ไม่ปล่อยให้นอนรอความตาย ตามสถานที่ต่างๆ และริมถนนดังที่เพิ่งเกิดขึ้น
