สปท.ผ่านแผนปฏิรูปป่าไม้เพิ่มพื้นที่ป่า40ล้านไร่ ดำรงค์ชงใช้ม.44ยุติปัญหาส.ค.1

สปท.ผ่านแผนปฏิรูปป่าไม้ของชาติเพิ่มพื้นที่ป่า 40 ล้านไร่ “ดำรงค์” ชงใช้ ม.44 ยุติปัญหา ส.ค.1 ออกโฉนดที่ป่า เผยมีอีก 4.5 ล้านใบรอออกเอกสารสิทธิ “ปานเทพ” เสนอตั้งอนุกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนคดีทรัพยากรฯ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีนายอลงกรณ์ พลบุตร รอง ประธาน สปท.คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณาเรื่องการบูรณาการเร่งรัดการปฏิรูปป่าไม้ของชาติ ที่คณะกรรมการบูรณาการเร่งรัดการปฏิรูปทรัพยากรป่าไม้ของชาติ คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศพิจารณาเสร็จแล้ว โดย พล.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานกรรมการรายงานว่า สถานการณ์พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย พบว่ามีสภาพป่า 102.24 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 31.60 ล้านไร่ น้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามหลักวิชาการและเป้าหมายของชาติประมาณ 26 ล้านไร่ โดยประเทศไทยต้องมีพื้นที่ป่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ แต่ตลอด 40 ปีที่ผ่านมาพื้นที่ป่าประเทศไทยลดลง 36 ล้านไร่ หรือเฉลี่ย 9 แสนไร่/ปี ซึ่ง คสช.มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด แต่พื้นที่ป่าก็ลดลงปีละ 4 หมื่นไร่ แม้สถิติการลดลงจะน้อยที่สุดตั้งแต่มีการจัดเก็บสถิติมา แต่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าร้อยละ 40 ตามเป้าหมายได้

นายยงยุทธกล่าวว่า คณะกรรมการเร่งรัดขอเสนอแนวทางในการปฏิรูปป่าไม้ของชาติ โดยศึกษาแนวพระราชดำริ ใช้หลักวิชาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยประเด็นการปฏิรูปในภาพรวม 1.ต้องหยุดยั้งและป้องกันการทำลายทรัพยากรป่าไม้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน 2.เพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ในระยะเวลา 10 ปี 3.สร้างจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรป่าไม้ 4.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน 5.การปรับปรุงและพัฒนากฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ มีมาตรการป้องกันการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน ส.ค.1 โดยมิชอบ และ 6.การสร้างระบบบูรณาการจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติเพื่อขับเคลื่อนโยบายด้านป่าไม้ของประเทศทั้งระบบ

ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ สปท. ในฐานะกรรมการกล่าวว่า ข้อเสนอเร่งด่วนของคณะกรรมการเห็นว่ามีความจำเป็นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นใน ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการปราบปรามทุจริตเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับของหลายหน่วยงาน จึงให้มีคณะอนุกรรมการที่จะไต่สวนความผิดเป็นผู้รอบรู้และมีความชำนาญในแต่ละศาสตร์มาดำเนินการไต่สวนคดีให้ครอบคลุม

Advertisement

ส่วนนายดำรงค์ พิเดช สปท. ในฐานะกรรมการกล่าวว่า ปัญหาทรัพยากรป่าไม้เป็นเรื่องไกลตาผู้คน แต่มีปัญหามหาศาล ที่ผ่านมาเรามองว่าประชาชนทำลายป่า แต่วันนี้กลายเป็นราชการที่ทำลายป่า โดยเฉพาะปัญหา ส.ค.1 ที่เกิดมาช้านานและรุนแรงขึ้นตามเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู เป็นช่องทางหากินของข้าราชการกลุ่มหนึ่งในกรมที่ดิน และหน่วยงานป่าไม้บางครั้งก็เอากับเขาด้วย ตนเพิ่งทราบว่ายังเหลือ ส.ค.1 อีก 4.5 ล้านฉบับในประเทศไทยที่ยังไม่ออกเป็นเอกสารสิทธิ และเป็นการยื่นขอออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ป่าจำนวน 1.46 แสนแปลง ซึ่งถ้าออกโฉนดได้พื้นที่ป่าต้องสูญเสียไปจำนวนมาก ส.ค.1 จึงเป็นปัญหาใหญ่ของชาติ ตนกลับชาติมาเกิดก็ไม่รู้จะหมดหรือไม่ เพราะขอยื่นศาลออกเอกสารสิทธิได้เรื่อยๆ ดังนั้นจึงขอให้ใช้มาตรา 44 ยุติ หรือมีระยะเวลากำหนดในการออกโฉนดชัดเจน วันนี้ต้องหาวิธีแก้ปัญหา ส.ค.1 ซึ่งเป็นเรื่องของคนรวยทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือมากมายขนาดนี้ หากไม่มีการทำลายต้นขั้วเดิม ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาเพื่อรักษาสมบัติชาติต่อไป

จากนั้นที่ประชุมได้เปิดให้มีการอภิปราย โดยนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ สปท.ในฐานะอดีตอธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า การปฏิรูปทรัพยากรป่าไม้ ต้องให้ประชาชนมามีส่วนร่วม ไม่ใช่รัฐจัดการแต่ฝ่ายเดียว ส่วนกรณี ส.ค.1 เป็นเรื่องดุลพินิจของศาล และกรมที่ดินต้องปฏิบัติตาม ที่ผ่านมากรมที่ดินไม่ได้ทำความเห็นในการออกเอกสารสิทธิเพียงลำพัง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือป่าไม้มีส่วนร่วมด้วยว่าอยู่ในหรือนอกเขตป่า ตนเห็นว่าความเห็นของ กมธ.วิสามัญฯไม่เพียงพอต่อการปฏิรูปทรัพยากรป่าไม้ หากเป็นตนจะเสนอให้ยกเลิก ส.ค.1 ทั้งหมด แต่ต้องเยียวยาและให้เวลากับชาวบ้านในการยื่นคำร้อง และอย่าเหมารวมทั้งหมด รวมทั้งต้องมีการเปรียบเทียบด้วยว่าการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ กับการออกโฉนดในพื้นที่ป่า อะไรมีสัดส่วนทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่ามากกว่ากัน

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 152 ไม่เห็นด้วย 1 งดออกเสียง 2 คะแนน เพื่อส่งไปยัง ครม.ต่อไป

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image