‘หมอเก่ง’ เตือน ‘ชัยวุฒิ’ อย่าใช้กม. 2 มาตรฐาน ปิดปากแค่คนเห็นต่าง ปล่อยเฟกนิวส์ อวยซิโนแวค ออกหน้าลอยนวล ชี้ ‘ประยุทธ์’ ฟ้อง ‘มิลลิ’ คือการประกาศสงครามกับคนรุ่นใหม่ ราดน้ำมันบนกองไฟ
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประกาศเตือนดารา และคนดัง ที่ออกมาคอลเอาท์และแสดงความไม่พอในการบริหารงานของรัฐบาล ว่าอาจจะเป็นการบิดเบือนข้อมูล และสร้างเฟคนิวส์ ซึ่งอาจมีความผิดตามกฎหมาย ว่า เมื่อวานนี้ (21 กรกฎาคม) นายชัยวุฒิกล่าวในรายการของคุณจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ว่า นายชัยวุฒิ ไม่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องน.ส.ดนุภา คณาธีรกุล หรือน้องมิลลิ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้ออกมาขู่ เป็นเพียงการเตือน เพราะตอนนี้สังคมออกมากดดันให้ดารา นักแสดง และนักร้อง ออกมาคอลเอาท์เยอะ จึงเตือนว่าอย่าให้มาเป็นเฟกนิวส์
“ปัญหาคือ นิยามของเฟกนิวส์ของรัฐบาลที่นำมาใช้ กับผู้ที่เห็นต่าง ไม่ได้มีนิยามที่ชัดเจน ทั้งนี้ ต้องแยกให้ออกระหว่าง ข้อเท็จจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ กับ ข้อคิดเห็น/ความเห็น แต่ปัญหาคือ เมื่อมีคนออกมาแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นความเห็นต่าง และไม่ถูกใจ กลับถูกตีความว่าเป็นเฟกนิวส์และเกิดการฟ้องร้องในหลายครั้ง”
นพ.วาโย กล่าวว่า กฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 14 ที่เป็นความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ มาตรา 328 นั้น เป็นกฎหมายทีเรียกว่า SLAPP ย่อมาจากคำเต็มว่า Strategic Lawsuit Against Public Participation คือการให้กฎหมายปิดปาก และมาอ้างว่าเป็นเฟกนิวส์ ทั้งที่ไม่มีนิยามของคำว่าเฟกนิวส์อย่างชัดเจน เพราะให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ใช้อย่างกว้างขวางมาก
“สิ่งสำคัญคือ จะต้องตีความและใช้กฎหมายตามมาตราฐานเดียวกัน ระหว่างผู้ที่แสดงความคิดเห็นทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นคือ กระทรวงดีอีเอส และรัฐบาลไม่ออกมาฟ้อง หรือดำเนินคดีเรื่องเฟกนิวส์กับกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่สร้างเฟกนิวส์เต็มไปหมด ทั้งการอวยวัคซีนซิโนแวค อย่างออกหน้าออกตา และเชื่อว่ากันโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ ได้ ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ โดยใช้ตำแหน่งวิชาการใหญ่โตที่นำหน้าชื่อตัวเอง มาปล่อยเฟกนิวส์ บางครั้งก็ใช้วาจาผรุสวาท และดูหมื่นอีกฝ่าย แต่รัฐบาลก็ไม่เห็นทำอะไร ซึ่งตนและพรรคก.ก. ไม่สนับสนุนกฎหมายประเภทเหล่านี้”
“เราต้องยึดหลักอิสระทางการสื่อสาร ในรัฐที่คุ้มครองเจตจำนงอิสระของประชาชน และประเทศไทยก็อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ฉะนั้น จึงต้องคุ้มครองบนพื้นฐานที่ประชาชนเท่ากัน จึงสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ รัฐเท่ากับประชาชน ประชาชนเท่ากับรัฐ ดังนั้น ประชาชนกับรัฐ อยู่ในระนาบเดียวกัน จึงสามารถพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเห็นแย้งกันได้”
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี หรือ คตส. ฟ้องดำเนินคดีหมิ่นประมาท น.ส.ดนุภา นพ.วาโย กล่าวว่า การฟ้องร้องน้องมิลลินั้นเป็นอะไรที่หนักมาก เพราะน้องยังเป็นเยาวชน การออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนั้น เป็นการทำงานศิลปะ ทั้งนี้ ภาพของน้องมิลลิ เป็นภาพสะท้อนของเยาวชน คนรุ่นใหม่ การฟ้องร้องจึงเป็นการประกาศสงครามกับคนรุ่นใหม่ ถามว่า คุณจะทำลายลูกหลานตัวเองจริงๆ หรือ นี่จึงเป็นเหมือนการราดน้ำมันบนกองไฟ ที่จะลุกลามกันไปใหญ่
