เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เสียงคัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับนานมีชัย ฤชุพันธุ์ มีมากกว่าฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และมาจากทุกภาคส่วนในสังคมจริงๆ แม้กระทั่งพวกเดียวกันเอง ถ้าเป็นตนคงต้องฟังและกลับไปทบทวนว่าการร่างมีปัญหาที่ต้องปรับปรุงแก้ไข และ กรธ.ควรบอกความจริงกับประชาชนว่าเนื้อหาหลายประเด็นเป็นแนวคิดที่คิดไวๆ แบบไทยประดิษฐ์ ไม่เป็นสากล เช่นการเสนอชื่อนายกฯ สามคน การกาบัตรใบเดียว การให้อำนาจองค์กรอิสระมากำกับรัฐบาลด้านนโยบายและการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องได้เสียงจากทุกพรรคที่มี ส.ส. 10 คนขึ้นไปในสภา ซึ่งขัดหลักการประชาธิปไตย ขัดหลักการแบ่งแยกอำนาจ ขัดหลักการตรวจสอบถ่วงดุล ลิดรอนสิทธิประชาชน
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าถ้าปล่อยผ่านไปจะทำให้ประเทศอ่อนแอ เสียโอกาสพัฒนาไม่ทันโลกเพราะจะมีรัฐบาลเป็ดง่อยที่คอยถูกควบคุมโดยองค์กรต่างๆ เช่น ปัญหาว่าควรทำให้ไทยไร้ถนนทางลูกรังก่อนมีรถไฟความเร็วสูงนั้น ควรเป็นเรื่องฝ่ายบริหารตัดสินเพราะประชาชนเลือกเข้ามาตามนโยบายที่หาเสียงและแถลงต่อสภา สังคมไทยรวมทั้ง กรธ.ต้องถามตนเองว่าในอนาคตเราจะตรวจสอบการใช้อำนาจขององค์กรอิสระอย่างไร เราจะมีหลักประกันการตัดสินที่สอดคล้องกับหลักนิติธรรม มีเหตุผลและเท่าเทียมกันได้อย่างไร
“ปัญหาของไทยยังมีอีกมาก รัฐธรรมนูญที่ดีอย่างเดียวก็ยังไม่พอ เราต้องทำให้พรรคการเมืองเคารพเสียงประชาชนและผลการเลือกตั้ง การเคารพและไม่ฉีกรัฐธรรมนูญไม่ว่าด้วยข้ออ้างใด การบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เลือกปฏิบัติตามสีเสื้อ แต่ถ้าเรามีรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่เริ่มต้นเสียแล้วก็จะทำลายความหวังคนไทยอย่างแน่นอน ดังนั้น กรธ.ต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือบั้งไฟอะไรคือจรวด” นายนพดลกล่าว