เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางปรับปรุงระบบราชการเพื่อปฏิรูปประเทศ และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากของหนังสือจากกองพิธีการกรมสารบรรณทหาร เพื่อขอรับวัคซีน “โมเดอร์นา” จากสภากาชาดไทย นั้นในเช้านี้ตนได้รับการร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.อ.ยุทธศักดิ์ พรหมทา ผู้อำนวยการกองพิธีการ กรมสารบรรณทหาร โดยกล่าวว่า หลังจากที่มีกระแสตีกลับไปอย่างกว้างขวางจากหนังสือของกองพิธีการ กรมสารบรรณทหาร เพื่อขอรับวัคซีน “โมเดอร์นา” จากสภากาชาดไทย ที่ลงนามโดย พ.อ.ยุทธศักดิ์ นั้นยังมีอีกมุมหนึ่งที่ยังไม่มีการอธิบายคือ เป็นการขอวัคซีนเพียง 20 โดส(มีเอกสารแนบ) เพื่อฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ของกองพิธีการ กรมสารบรรณทหาร ถือเป็นด่านหน้าที่ต้องลงพื้นที่ตลอดและเป็นการจ่ายด้วยเงินส่วนบุคคลตามนโยบายวัคซีนทางเลือกซึ่งจัดโดยสภากาชาดไทย จึงขอความเป็นธรรมให้กับ พ.อ.ยุทธศักดิ์ ด้วย
ดร.ณพลเดช กล่าวว่า จากกระแสตีกลับนี้ทำให้เห็นว่าประชาชนไม่พอใจการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอดีตทหาร จะเห็นว่าในช่วงนี้หากมีประเด็นอะไรที่เกี่ยวกับทหารจะมีประเด็นตีกลับในทางลบเสมอ จึงได้โทรศัพท์คุยกับพ.อ.ยุทธศักดิ์ โดยตรง ได้ข้อมูลว่า เป็นการขอเพื่อฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้าเพียง 20 โดส และดำเนินการจ่ายเงินส่วนตัวตามนโยบายวัคซีนทางเลือก โมเดอร์น่าที่เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว และพร้อมที่จะรับผิดชอบจากเหตุที่เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะจองวัคซีนทุกช่องทางแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนล่าสุดได้ทำหนังสือเพื่อขอจัดซื้อจากสภากาชาดไทย ยังไม่รู้ว่าจะขอได้หรือไม่
ดร.ณพลเดช กล่าวด้วยว่า หากพิจารณาตามระเบียบกระทรวงการคลังหากไม่ได้ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อนำไปซื้อวัคซีนก็ไม่ถือว่าผิดอะไร สำหรับตนแล้ว ที่ผ่านมาได้จัดซื้อวัคซีนชิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ถึง 1,000 โดส ในนามพลเรือน ได้แจกจ่ายไปยังผู้ใกล้ชิดและมีส่วนหนึ่งเป็นทหารเช่นกัน ไม่เห็นผลว่าจะเสียหายหรือกระแสตีกลับแต่อย่างใดแต่กลับกันต่างได้รับการชื่นชม ที่เพิ่มช่องทางวัคซีนทางเลือกทำให้ประชาชนปลอดภัย จากอุทาหรณ์ทั้ง 2 กรณีนี้ จะเห็นได้ว่ากระแสของประชาชนที่ตีกลับทันทีหากเหตุการณ์นั้นๆเกี่ยวข้องกับทหาร หรือพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาทหารโดยทันที ขอเรียนว่าที่รู้จักทหารมาทหารที่ดีๆมีมาก จากเหตุการณ์ของพ.อ.ยุทธศักดิ์ จึงขอให้ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในฐานะผู้บังคับบัญชา ให้ความเป็นธรรมกับทหารเล็กๆนายหนึ่งที่มีเจตนาที่จะช่วยเหลือคนในกรมกองและผู้ใกล้ชิดที่ขอวัคซีนไปเพียงเล็กน้อยด้วย
ดร.ณพลเดช กล่าวอีกว่า จากตัวอย่างนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนส่วนมาก ไม่ไว้วางใจการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรลาออกเสียจะดีกว่า เพราะหากมองไปในอนาคตจะเห็นประชาชนที่คิดในทางลบที่เป็นภาพไม่ดีต่อกองทัพไปมากกว่านี้ ซึ่งความเป็นจริงทุกคนต่างเป็นคนไทยด้วยกัน อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากจะพิจารณาในหลายๆประเทศที่ทหารออกมาทำการรัฐประหาร เช่น เลบานอน และอีกหลายประเทศ เมื่อประเทศเกิดความไม่สงบกองทัพจะเข้ามาแทรกแซงโดยการทำรัฐประหาร และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะการคืนประชาธิปไตยให้กับประเทศโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประเทศก้าวต่อไปข้างหน้า เพราะทหารทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติหากจะมาบริหารประเทศมันคนละหน้าที่กัน ผลเสียก็จะเห็นดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน จึงขอแนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก อย่าให้ทหารส่วนมากของประเทศก็ต้องทนรับกระแสลบจากการที่ท่านเคยเป็น ผู้บัญชาการเหล่าทัพเลย เพราะหากไม่ลาออกหรือยุบสภา จะได้ดังสุภาษิตคำพังเพยของไทยที่ว่า “ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง”