‘แพทย์ พมช.’ ปราศรัยครั้งแรก วอน ประยุทธ์-อนุทิน หยุดแก้ตัว

‘แพทย์ พมช.’ ปราศรัยครั้งแรก วอน ประยุทธ์-อนุทิน หยุดแก้ตัว รอไม่ไหว เร่งหาวัคซีน mRNA ให้พอ ปชช.

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 กรกฎาคม ที่ บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ กลุ่มลิเบอร์ต้า พร้อมด้วยประชาชนจำนวนหนึ่ง จัดกิจกรรม #ลิเบอร์ต้า5ข้อ เพื่อทวงถามความคืบหน้า 5 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1.ลดค่าเทอม 50 เปอร์เซ็นต์ 2. จัดหาวัคซีนถ้วนหน้า 3.เยียวยาขั้นต่ำ 80 เปอร์เซ็นต์ 4.พักชำระหนี้ทุกอาชีพ 5.เพิ่มเงิน และบรรจุบุคลากรทางการแพทย์ เป็นข้าราชการ ซึ่งได้ยื่นถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นั้น

อ่านข่าว

‘กลุ่มลิเบอร์ตา’ บุกทำเนียบฯ สั่ง ‘รัฐบาล’ 5 ข้อ แก้โควิด-ดูแลชีวิตปชช.

ตำรวจเข้ม ‘ลิเบอร์ต้า’ เยือนทำเนียบ รอบ 2 ‘ทวง 5 ข้อเรียกร้อง’ ปชช. บอก ‘แก่ ขาไม่ดี ก็ต้องออกมาไล่’

Advertisement

ต่อมา เวลา 17.36 น. พิธีกร กล่าวว่า เมื่อ 5 ข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบรับ เราจึงต้องมาทวงถาม กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เวลา 17.38 น. พญ.ปวลิน ชื่นพุฒิ หน่วยแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน พมช. กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ถึงประเด็นการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ว่าในนามแพทย์คนหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนเข้าใจดีว่า เราอยู่ในวิกฤตสาธารณสุข เรียกว่าเป็นครั้งใหญ่มากในรอบ 100 ปี การแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขตอนนี้ ไม่ว่าในแง่มุม หรือมิติใด ล้วนมีปัญหา ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมา ท่านประมาทในหลายจุด

Advertisement

“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปีที่แล้วบอกว่า ไม่เป็นไร ไข้หวัดธรรมดา เราปิดเมืองล็อกดาวน์ไปหลายเดือน เศรษฐกิจย่ำแย่ในหลายภาคส่วน ประชาชนพยายามให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ หลายคนต้องเปลี่ยนงาน หลายคนไม่มีงานทำ แมสก์ที่กักตุนจนราคาสูง ประชาชนสรรหาเองทุกอย่างทั้งแมสก์ และแอลกอฮอล์ ไม่มีทางเลือก นอกจากช่วยกัน เพราะไม่มียารักษา และวัคซีนที่เข้ามา ซึ่งประชาชนมีความหวังว่าหากวัคซีนเข้ามา จะได้ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องใส่แมสก์ เศรษฐกิจจะกลับมาทำมาหากินได้ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็น

นายแพทย์ทวีศิลป์ ศบค. กล่าวเสมอว่า ประชาชนต้องไม่ประมาท การ์ดอย่าตก แต่ดูคลัสเตอร์ตั้งแต่มีโรคระบาด บ่อนการพนัน รัฐมนตรีไปเที่ยวผับทองหล่อ ท่านก็มาโทษประชาชน ตอนนี้วิกฤตหนักมาก โรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ ศบค. บอกให้ดู ‘เถียงนาโมเดล’ ซึ่งไม่มีใครอยู่ได้ พูดอย่างนี้เท่ากับไม่เห็นอกเห็นใจประชาชนเลย ปัญหาสาธารณสุขเราก็มีหลายด้าน ไม่ได้ตรวจโควิดกันได้ง่ายๆ มีคนมารอตรวจโควิดริมรั้วโรงพยาบาล ตั้งแต่เย็น จนเช้าอีกวัน ซึ่งบางคนก็อาจเป็น บางคนไม่ได้เป็น ก็มีโอกาสติดโรคได้ ซึ่งเฉลี่ยตรวจได้ประมาณวันละ 80,000 คนเท่านั้น” พญ.ปวลินกล่าว

เวลา 17.43 น. มีฝนปรอย ทีมงาน และประชาชนบางส่วน กางร่ม

พญ.ปวลินกล่าวต่อว่า หากประชาชนต้องซื้อชุดตรวจด้วยตัวเอง ขอวิงวอนให้ไม่มีการกักตุนเหมือนกักตุนหน้ากากอนามัย อย่างปีที่แล้ว เพราะประชาชนลำบากอยู่แล้ว

“ไทยเป็นประเทศที่อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ จึงมีปัญหาในเรื่องการแยกออกมากักตัว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็ยังไม่มีความพร้อมในการดูแล ติดตามผู้ป่วยในแต่ละวัน ที่เกิดขึ้นคือ ทุกคนช่วยกันหาเตียง เยอะมาก ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ซึ่งการหาเตียงไม่ได้ เท่ากับว่าเขายังคงอยู่ในพื้นที่ชุมชน นานไปอาการหนักขึ้น และเสียชีวิตที่บ้านก็มี

ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ก็ทำงานหนักมากแทบจะไม่มีเวลาพัก โดยส่วนมากก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อหรือโรคปอด อีกปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวกับโควิดโดยตรง คือคนไข้โรคอื่น เช่น คนไข้มะเร็ง กระดูกหัก ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว แต่ปัจจุบันเตียงต้องนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด จนมะเร็งเกิดภาวะลุกลาม”

พญ.ปวลินกล่าวว่า อีกปัญหาที่สำคัญ คือทรัพยากร ห้องความดันลบ ชุด PPE ที่ต้องเปลี่ยนทุกวัน แต่บางแห่งไม่เพียงพอ บางแห่งกลายเป็นว่า บุคลากรต้องจัดซื้อเสียค่าใช้จ่ายเอง ไปจนถึงยาวฟาวิพิราเวียร์ ที่ได้รับยาช้า จนป่วยหนักมากขึ้นแทนที่จะหาย

“ปัญหาต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง และเพียงพอกับประชาชนทุกคน ประชาชนไม่ได้กลัววัคซีน อยากฉีดวัคซีนกันมากๆ ลงทะเบียนไปก็ยังไม่ได้ฉีด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีคนพยายามเตือนหลายรอบว่า เราควรจะกระจายหลากหลายยี่ห้อ ไม่ใช่มุ่งวัคซีนตัวใดตัวหนึ่ง เพราะอาจมีปัญหาด้านการผลิตการส่งมอบ บางชนิดก็อาจไม่เหมาะกับคนไข้ ที่มีโรคประจำตัว บางชนิดไม่เหมาะกับคนอายุน้อย ปัญหาที่สำคัญคือเชื้อไวรัสอย่างไรก็มีโอกาสที่จะกลายพันธุ์ ประเทศไทยมีไวรัสกลายพันธุ์เรียบร้อยแล้ว ตอนแรกมีสายพันธุ์อัลฟ่า ตอนนี้ป่วยสายพันธุ์เดลต้า 70-80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อกลายพันธุ์ก็ตอบสนองต่อวัคซีนไม่ได้ดี นี่คือความจำเป็นที่รัฐต้องจัดหาวัคซีนหลากหลายให้ประชาชนใช้” พญ.ปวลินกล่าว และว่า

เรามีวัคซีนหลักอยู่ 2 ตัว คือ ซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเมื่อเดลต้าเข้ามา กันติด และกันตายก็ไม่ได้ คนฉีด 2 เข็ม ก็ยังคิดเชื้อ ซิโนแวคเป็นปัญหามาก ไม่สามารถรับมือกับสายพันธุ์เดลต้าได้

ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า ก็ส่งมอบไม่เพียงพอ และมีผลข้างเคียงคือทำให้เกิดลิ่มเลือด เสี่ยงเสียชีวิตได้ กับคนอายุน้อย และไทยถึงขั้นวิกฤต ไม่เหมาะที่จะมีการทดลองผสมวัคซีน

วัคซีน mRNA ไฟเซอร์ และโมเดอร์น่า เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดี สายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ก็ยังป้องกันได้ดีมากอยู่ หากติด ก็รุนแรงน้อยมาก จึงขอให้นำเข้าวัคซีนโดยเร็วที่สุด และประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่ายตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ระบุไว้

พญ.ปวลินกล่าว ถึงวัคซีนไฟเซอร์ที่จะเข้ามา 1.5 ล้านโดส ในวันที่ 29 กรกฎคาคมด้วยว่า ว่าสรุปแล้ว บุคลากรด่านหน้า ได้กี่แสนโดส

“ต้องชี้แจงให้ชัดเจน ทำไมต้องตัดส่วนที่เป็นกำลังสำคัญในการดูแลผู้ป่วยด้านหน้าออกไป ถ้าเขาติดโรคหรือเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร

ผู้ติดเชื้อวันนี้เพิ่มอีก 14,000 ตั้งแต่มีโควิด ทุกคนช่วยเหลือตัวเองมาตลอด แต่เรื่องวัคซีนไม่สามารถหาเองได้ ถ้าหาได้ ก็หาเองไปแล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐหรือไม่

รัฐมนตรี นายกฯ กรุณาอย่าบ่นว่าเหนื่อย เพราะเป็นหน้าที่ คนที่ตายเขาอาจจะเป็นพ่อ แม่ หรือลูกของใคร เขาต้องมาจากไป ทั้งที่เป็นเรื่องป้องกันได้

ประยุทธ์ อนุทิน ต้องเร่งจัดหาวัคซีนที่ดีที่สุด และมีจำนวนเพียงพอต่อประชาชนโดยเร็วที่สุด และประชาชนเขาไม่อยากจะได้ยินคำแก้ตัวใดๆ ถ้าหาไม่ได้ คุณก็ต้องปล่อยมือ ลาออก ให้โอกาสคนที่เขาสามารถทำได้ มาทำ ประชาชนคนไทยเรารอต่อไปไม่ไหวแล้ว” พญ.ปวลินกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image