‘ยุทธพงศ์’ พบพิรุธปมเสนองบฯซื้อเรือดำน้ำ เตรียมเสนอโหวตตัดทิ้งทั้งหมด

‘ยุทธพงศ์’ พบพิรุธปมเสนองบฯซื้อเรือดำน้ำ เตรียมเสนอโหวตตัดทิ้งทั้งหมด ฮึ่ม ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ เตรียมเจอในศึกซักฟอกด้วย แฉ ทบ.ของบฯซื้อรถใหม่ แต่เอางบฯไปซ่อมรถเก่าแทน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 กรกฎาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคพท. พร้อมด้วย นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคพท. ในฐานะ อนุฯกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ ด้านครุภั ณฑ์ และไอซีที ร่วมกันแถลงกรณีการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ

โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เริ่มที่กองทัพเรือ ในงบฯปี 65 ถือเป็นประวัติศาสตร์ ตนเป็นส.ส.มา 20 ปี ไม่เคยมีงบฯของหน่วยไหนที่เข้าอนุ กมธ. 2 ครั้ง แต่ถูกไล่กลับไป ไม่ได้พิจารณา แต่ฝบฯ ของกองทัพเรือเข้าอนุ กมธ. 2 ครั้ง คือวันที่ 22 และ 27 กรกฎาคม ไม่ผ่านทั้ง 2 ครั้ง และตนเรียนว่า วันพรุ่งนี้ (29 กรกฎาคม) กองทัพเรือต้องเข้าไปชี้แจงต่อ กมธ. ชุดใหญ่ ถ้าชี้แจงไม่ได้ ปีนี้กองทัพเรืออาจจะไม่ได้งบประมาณเลย ทั้งนี้ เหตุที่งบฯ กองทัพเรือเข้า คณะอนุ กมธ. 2 ครั้ง แต่ถูกไล่กลับไป 2 ครั้ง เพราะไม่ให้ความร่วมมือ ไม่เปิดเอกสาร ไม่ให้ดูอะไรทั้งสิ้น ซึ่งทาง กมธ. ไม่ได้ขอดูเทคนิคอาวุธปืน ประสิทธิภาพการทำลายล้างของจรวด ฯลฯ เราขอดูสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง การผ่อนชำระเงินที่เราต้องพิจารณาอนุมัติงบให้ในปี 65 เช่น โครงการเรือดำน้ำมูลค่า 44,222 ล้านบาท โดยโครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2560 สมัยนั้นมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ และต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเป็นนายกฯด้วย เรื่องนี้ พรรคพท. เราจะนำมาแฉว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ กองทัพเรือมาของบประมาณ 1700 ล้านบาท ไปจ่ายค่าติดอาวุธเรือยกพลขึ้นบก แต่กลับไม่ให้ดูสัญญา แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณต้องจ่ายเงินจำนวน 1,700 ล้านบาทจริง

Advertisement

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 กรกฎาคม) ที่กองทัพเรือเข้ามาชี้แจง ได้มีหนังสือลับที่ กห.0509/203 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 64 เรื่องของปรับลดงบฯการจัดหาเรือดำน้ำจำนวน 2 ลำ มาถึง กมธ. โดยหนังสือระบุว่า กองทัพเรือได้คืนงบฯทั้งหมดเพื่อช่วยประเทศ 2 ครั้งในปี 63 และปี 64 จำนวน 7,300 ล้านบาท แม้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ชาติทางทะเล และได้คืนงบฯในปี 65 อีก กองทัพเรือจึงขอปรับลดงบประมาณในการจัดหารือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ทั้งนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า เรือดำน้ำกองทัพเรือจะซื้อทั้งหมด 3 ลำ ลำแรกซื้อไปแล้ว แต่ยังจ่ายเงินไม่หมด โดยจะจ่ายเงินถึงปี 66 คนที่มาถอนไม่ซื้อลำท่ 2 และ 3 คือ พล.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ตนขอฟ้องสื่อมวลชน และประชาชนเลยว่า คนที่มีหน้าที่ชี้แจงเรื่องงบประมาณของกองทัพเรือคือ ปลัดบัญชีทหารเรือ ซึ่งตนเป็นกมธ.งบฯ 65 ทั้งชุดใหญ่ และชุดเล็ก ยังไม่เคยเห็นหน้าปลัดบัญชีทหารเรือเลยสักครั้ง ตนขอถามว่า เป็นหน้าที่ของปลัดบัญชีทหารเรือหรือไม่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมีตำแหน่งนี้ ดังนั้น ตนจึงขอเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการทหารเรือที่ท่านรับปาก กมธ.ไว้ ต้องให้ปลัดบัญชีทหารเรือมาชี้แจง เพราะพล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสนาธิการทหารเรือ บอกเองว่าหาก กมธ. อยากได้เอกสารอะไรให้ขอไปได้ พร้อมให้ความร่วมมือ แต่ท่านพูด 2 ครั้งไม่เหมือนกัน าอีกครั้งไม่ให้ดูอะไรเลย บอกเป็นความลับ กมธ. ไม่รู้จะพิจารณาอะไรจึงขอประชุมลับ

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ในการพิจารณาในชั้นอนุกมธ.ฯ พบความผิดปกติของงบประมาณ คือ งบฯ 65 ที่มาขอต่อสภา ต้องจ่ายให้รัฐบาลจีนประมาณ 2000 ล้านบาท แต่ทร.​บอกว่า ไปเจรจากับรัฐบาลจีนในการขอลดเงินที่ต้องไปจ่ายค่างวดเรือดำน้ำ จีนลดให้เหลือ 900 ล้านบาท ซึ่งวิธีงบประมาณ งบใหม่ผูกพันต้องตั้ง 20% แต่การตั้ง 900 ล้านบาทนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ฟังไว้เลยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ท่านโดนแน่ นอกจากนี้ ทร. ให้เอกสารกมธ. มาอีก โดยเสนองบประมาณเพื่อจ่ายค่างวดเรือดำน้ำ ลำที่ 1 จำนวน 1,145 ล้านบาท ในปี 65 ซึ่งตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับตัวเลข 900 ล้านาทที่คุณเสนอมา แบบนี้เท่ากับรัฐบาลไทยไปเบี้ยวรัฐบาลจีนหรือ ถ้าการจัดซื้อครั้งนี้ เป็นจีทูจีจริงเป็นไปได้หรือที่จะเบี้ยวเข้า เพราะในสัญญาคุณต้องจ่ายเขา 2000 ล้านบาท แล้วไปจ่ายเขาแค่ 1,145 ล้านบาท แล้วเสนอเอา 900 ล้านบาทมาตั้งเป็นหัวเชื้อในการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 อันนี้คือความไม่โปร่งใส ถึงว่า เวลาขอดูสัญญาจัดซื้อไม่เคยให้ ตนในฐานะ กมธ. ต้องซักเรื่องนี้อกีครั้ง ถ้ายังชี้แจงไม่ได้จะต้องเสนอให้ตัดทิ้งทั้งหมด และจะเสนอให้โหวตด้วย

Advertisement

นอกจากนี้ มีข้าราชการสำนักงบฯ 2 คน ที่ดูแลงบประมาณของกองทัพ คือ น.ส.ทัดระวี พรหมสาขา ณ สกลนคร ผู้อำนวยการกองจัดทำงบประมาณด้านความมั่นคง 2 และ นายเอก มุติตาภรณ์ นักวิเคราะห์งบประมาณชำนาญการ สำนักงบประมาณ เข้ามที่ห้องคณะอนุ กมธ. ในฐานะที่ดูแลงบประมาณของกองทัพเรือ แต่เมื่อกมธ.สอบถาม ก็ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ ดังนั้น ตนเตรียมไปยื่นหนังสือต่อนายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ให้ตรวจสอบ 2 ข้าราชการดังกล่าว ว่า มีส่วนปกปิดข้อมูลและร่วมมือกับกองทัพเรือในการจัดทำงบประมาณที่ไม่โปร่งใสหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 เพราะถ้าไม่มีเอกสารอะไรเลย คุณไปตั้งงบให้เขาจำนวน 900 ล้านบาทได้อย่างไร และตนขอเรียกร้องไปยัง ผบ.ทร. ในฐานะที่เคยรับปาก กมธงว่าจะส่งเอกสารให้ กมธ. ถ้าพรุ่งนี้ (29 กรกฎาคม) ปลัดบัญชีทหารเรือไม่มา ตนเสนอให้ตัดงบฯส่วนนี้ทิ้งทั้งหมด

ต่อมาคือ กองทัพบก (ทบ.) พบความผิดปกติจากโครงการที่ทบ.เสนอของบประมาณ 921 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2564 เพื่อทำโครงการจัดหายานยนต์สายสรรพวุฒิ ซึ่งเป็นรถหัวลาก เป็นการซื้อรถใหม่ แต่พบว่าเมื่อได้รับงบฯไปแล้วมีการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เป็นซ่อมรถเก่าแทน โดยรถเก่าดังกล่าวที่มีอายุการใช้งาน 30-40 ปี ราคาซ่อมคันละ 2.5 ล้านบาท รถรุ่นนี้เขาเลิกใช้กันไปหมดแล้ว ซึ่ง ทบ.ได่ทำหนังสือไปถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณให้เปลี่ยนแปลงงบฯตามที่ได้กล่าวว่า แต่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ยังไม่ลงนามให้ และต้องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากเป็นงบประมาณผูกพัน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564-2566

นอกจากนี้ กรณีดังกล่าว สตง. เคยทักท้วงการเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าวแล้วด้วย เพราะมองว่าซ่อมไม่คุ่มค่า หากจัดซื้อรถใหม่ จะมีราคาคันละไม่เกิน 4.2 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งอนุ กมธ. ก็ได้สอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณ คือ น.ส.ทัดระวี และนายเอก แต่ไม่ก็ได้รับคำตอบใดๆ บอกแค่ไม่รู้เรื่อง เอกสารอยู่ที่ผอ.สำนักงบฯ ดังนั้น ในการประชุมกมธ.งบฯ ตนจะสอบถามเรื่องนี้กับผอ.สำนักงบประมาณเช่นกัน ว่าจะลงนามหรือไม่ หากจะลงนามตนจะขอคัดค้านและไม่เห็นด้วย เพราะปี 2564 บอกว่าขอเงินเพื่อซื้อรถใหม่ แต่พอปีต่อมากลับขอเปลี่ยนแปลงซ่อมรถเก่า ที่อายุใช้งาน 40 ปี ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้งานได้หรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image