อดีตเลขาฯสมช. เตือนทหาร วิกฤตขนาดนี้ยังกล้าหยุดงาน ระวังเจอข้อหา ละเว้นหน้าที่ 

อดีตเลขาฯสมช. ย้ำเหตุเปลี่ยนตัวนายก เตือนทหาร วิกฤตขนาดนี้ยังกล้าหยุดงาน ระวังเจอข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ 

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ตามที่ปรากฎข่าวสารว่า แหล่งข่าวความมั่นคงยันนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจ จะอยู่ต่อการันตีชายชาติทหารไม่ทิ้งประชาชน-ประเทศช่วงวิกฤติ สงสัยว่า จะเป็นการปฏิบัติการข่าวสาร (IO) ขั้นวิชามารที่สื่อสารออกมาประสงค์ให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นในทางตรงกันข้าม คือให้ประชาชนเพิ่มความชังนายกฯยิ่งๆขึ้น และออกมาร่วมชุมนุมขับไล่ ซึ่งตรงตามเจตนาซ่อนเร้นของฝ่ายความมั่นคงที่ได้พลิกตัวมาเห็นตรงกันกับประชาชนแล้วกระมัง ว่า มันถึงเวลาปิดฉากนายกฯสืบทอดอำนาจเสียที เหตุเพราะนายกฯคนนี้ได้กลายไปเป็นผู้นำแห่งความหายนะ ถือกฎหมายรวบอำนาจเบ็ดเสร็จแต่ดำเนินนโยบายการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ผิดพลาดอย่างมหันต์ ซึ่งต้องอนุมานว่า แกล้งโง่มีวาระซ่อนเร้นต้องการใช้วิกฤติโควิดมากดหัวประชาชนเพื่อครองอำนาจยาวๆ ทั้งๆที่วัคซีนคือทางออกอันดับ 1 ของการคลี่คลายวิกฤติ

“แต่ ณ เวลานี้การจะได้วัคซีนชนิด mRNA อย่างฉับพลันมีช่องทางเดียวคือต้องได้รับการช่วยเหลือพิเศษลัดคิวจากประเทศผู้ผลิตนั้น การเปลี่ยนตัวนายกฯโดยเร็วจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ประเทศเราได้รับวัคซีนและรอดพ้นจากวิกฤติ ส่วนในประเด็นของกองทัพแทนที่รัฐบาลจะมอบหมายภารกิจให้อย่างเต็มที่แต่เนิ่นๆตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ก็เพิ่งมาออกโรงภายหลังที่สังคมต้องส่งเสียงร้องหาเสียก่อน กำลังพลก็ดันฉีดแค่วัคซีนชิโนแวค พอออกมาปฏิบัติการเจอสถานการณ์โควิดที่กลายพันธุ์เป็นเดลต้า ชิโนแวคก็เลยเอาไม่อยู่ พาลให้กำลังพลทหารติดโควิดเป็นภาระซ้ำเติมสถานการณ์เข้าไปอีก ที่บอกว่า ผู้นำเป็นชายชาติทหารไม่ทิ้งประชาชน แต่หายตัวในวันหยุดราชการยามภาวะวิกฤติ มันช่างย้อนแย้งกับคำพูดสิ้นเชิง กรณีนี้ประชาชนคงไม่เพียงออกมาขับไล่ แต่เขาจะผลักไปเข้าคุกตารางฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย” พล.ท.ภราดร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image