‘ไฟเซอร์บริจาค’ ล็อตแรก 1.5 ล้านโดส ขึ้นเครื่องแล้ว ถึงพรุ่งนี้เช้า!

ไฟเซอร์บริจาค

‘ไฟเซอร์บริจาค’ ล็อตแรก 1.5 ล้านโดส ขึ้นเครื่องแล้ว ถึงพรุ่งนี้เช้า! ลุ้นอีกล้านโดส สธ.เร่งอบรมผู้ฉีดเหตุต้องผสมน้ำเกลือตามสัดส่วน

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้าวัคซีนไฟเซอร์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา บริจาค 1.5 ล้านโดส ให้ประเทศไทย และที่มีข่าวว่าจะได้รับเพิ่มอีก 1 ล้านโดส ด้วย
ว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐอเมริกา บริจาคให้ไทย จำนวน 1.5 ล้านโดส ขณะนี้ของอยู่บนเครื่องบินกำลังเดินทางมาถึงไทย คาดว่าจะถึงไทยประมาณเวลา 04.00 น.ของวันเช้าวันที่ 30 ก.ค.64 ซึ่งเมื่อมาถึงจะนำไปเก็บที่คลังวัคซีนที่กำหนด เพราะการเก็บวัคซีนไฟเซอร์ต้องเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียลในส่วนนี้เราได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว และจะมีการสอนวิธีการผสมการฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนไฟเซอร์จะไม่เหมือนวัคซีนที่เราใช้ ไม่ว่าจะแอสตร้าเซนเนก้า หรือซิโนแวคที่ดูดจากขวดและเก็บรักษาที่ 2-8 องศาเซลเซียล ก็สามารถนำมาฉีดประชาชนได้เลย

นพ.โอภาส กล่าวว่า แต่วัคซีนไฟเซอร์ตัวนี้ต้องเก็บที่อุณหภูมิ -70 องซาเซลเซียส จากนั้นจะขนส่งไปยังหน่วยฉีดเพื่อเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียล ซึ่งขั้นตอนเก็บ 2-8 องศาเซลเซียสนี้วัคซีนจะอยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 4 สัปดาห์ เวลาเอาออกมาต้องรีบใช้ และการใช้จะแตกต่างกัน ต้องมีการผสมน้ำเกลือ เพราะเป็นวัคซีนเข้มข้น จึงต้องผสมน้ำเกลือให้ได้ตามสัดส่วนและดูดจากขวดใหญ่ไปฉีดให้ประชาชน โดย 1 ขวดจะฉีดได้ 6 คน ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บรักษา การผสมวัคซีน การนัดหมายการฉีด จะมีการอบรมให้กับบุคลากรตามจุดฉีดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นโรงพยาบาล(รพ.)ทั่วประเทศ ในวันพรุ่งนี้(30 ก.ค.) ผ่านระบบออนไลน์

“เมื่อวัคซีนมา มีการอบรมเรียบร้อย มีการจัดกลุ่มเป้าหมายในการฉีด ซึ่งจะมีคณะกรรมการกำหนดว่าจะไปฉีดกลุ่มไหน โดยหลักการเบื้องต้นตามนโยบายได้รับความเห็นชอบจาก ศบค.เรียบร้อยแล้ว และจะมีการประกาศให้ประชาชนรับทราบว่า จะกระจายไปจุดไหน อย่างไร กลุ่มไหนบ้างในระยะต่อไป” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ส่วนข่าวที่ว่าสหรัฐอเมริกา มีความประสงค์ว่าจะบริจาควัคซีนให้เพิ่มเติมนั้น มีความคืบหน้าในการหารือ แต่ขอรอประเทศสหรัฐอเมริกา ยืนยันอีกครั้ง จะแจ้งข่าวให้ประชาชนทราบต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image