‘เรืองไกร’ ยิ้มร่าขุดบ่อดักปลาเล็กแต่ได้วาฬ จ่อส่งทีม กม.ฟัน ‘ยุทธพงศ์’ ลั่นใช้แคชเชียร์เช็คซื้อรถหรู

‘เรืองไกร’ ยิ้มร่าขุดบ่อดักปลาเล็กแต่ได้วาฬ จ่อส่งทีม กม.ฟัน ‘ยุทธพงศ์’ ตัดสิทธิ 10 ปี หลังร้องเท็จปมหอบเงิน 5 ล้านถอยรถหรู ยันใช้แคชเชียร์เช็ค ลั่นไม่กังวลพร้อมชี้แจงทุกประเด็น แต่หวั่นหากถูกตั้งคณะกรรมการสอบจะกระทบพิจารณางบ’65 ส้มอาจหล่นใส่กองทัพงบไม่ต้องถูกตัด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) แถลงกรณีที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะรองประธาน กมธ.งบฯ คนที่ 4 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรณีซื้อรถเบนซ์ป้ายแดง มูลค่า 5 ล้านบาท ในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็น กมธ.งบฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ว่าเมื่อมีการยื่นร้องเรียนตามมาตรา 144 จะเป็นผลทำให้การพิจารณางบประมาณวาระ 2-3 ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคมนี้ เกิดปัญหา ทั้งนี้ ส่วนตัวยินดีให้ตรวจสอบถ้าทุกอย่างเข้าเงื่อนไข แต่จะเกิดปัญหา เพราะต้องตั้งคณะกรรมการสอบ ซึ่งตนพร้อมชี้แจงตามหลักฐานที่มี และไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร แต่ที่มีความกังวลคือเงื่อนเวลาในการพิจารณางบประมาณ เพราะถ้าไม่มีเรื่องนี้ทุกอย่างจะเป็นไปตามกรอบเวลา

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า หากประธานสภา หรือประธาน กมธ.งบฯ ตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 แล้วตั้งคณะกรรมการสอบตน จะหมายความว่า กมธ.ที่ไม่ได้ทักท้วงเรื่องนี้ต้องรับผิดร่วมด้วย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง และจะมีปัญหาตามมาว่าหากพิจารณางบประมาณไม่แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนด 105 วันของกรอบการพิจารณางบประมาณ รัฐธรรมนูญ มาตรา 142 ให้ถือตามร่างที่รับหลักการในวาระ 1 หมายความว่าสิ่งที่ทำมาในชั้นอนุ กมธ.และ กมธ.ทั้งหมดไม่มีผล และกลับไปใช้ร่างเดิมทั้งหมด และถือว่าสภาให้ความเห็นชอบ จากนั้นต้องส่งให้วุฒิสภาพิจารณาให้เสร็จภายใน 20 วัน โดยไม่มีอำนาจปรับลด ผลที่ตามมาคืออาจจะเห็นงบของกองทัพที่ถูกตัดไปกลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำ อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน

นายเรืองไกรกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าตนถือเงินสด 5 ล้านบาท ไปซื้อรถเบนซ์นั้นเป็นการคาดเดาที่ไม่ตรงความเป็นจริง ซึ่งตนได้ให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยจะพิจารณาไปถึงกฎหมายพรรคการเมือง และข้อบังคับพรรคการเมืองที่มีโทษตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี แต่ไม่ถึงขั้นยุบพรรค รวมถึงกฎหมาย ป.ป.ช. เพราะการร้องและกล่าวหาอันเป็นเท็จถือว่ามีโทษทั้งตามประมวลกฎหมายอาญา กฎหมาย ป.ป.ช. และกฎหมายพรรคการเมือง รวมถึงกรณีเงิน 25 ล้านบาท ตนมีหลักฐานพร้อมชี้แจงทั้งหมด ทุกอย่างที่คาดเดากันไป ทั้งประเด็นกฎหมาย จริยธรรม และเรื่องภาษี ตนพร้อมพิสูจน์ทั้งหมด และเมื่อถึงเวลาก็จะชี้แจงทั้งหมด

Advertisement

“ผมไม่เคยถือเงินสด 5 ล้านบาทไปซื้อรถเบนซ์ แต่เป็นการนำแคชเชียร์เช็คไปจ่าย โดยเช็คลงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ทุกอย่างมีพยานรู้เห็นหมด การร้องให้ตรวจสอบถือว่าเป็นสิทธิ แต่ถ้าข้อความหรือข้อร้องเรียนนั้นเป็นเท็จก็ต้องถูกดำเนินการ ซึ่งผมจะเบิกเงิน 10 ล้านบาทของผมก็เบิกได้ แต่ผมต้องกรอกแบบฟอร์มของ ปปง.

“เรื่องนี้ผมรู้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้เรื่อง และเอกสารใบคำขอซื้อก็มี เรื่องนี้มีคนที่อวดรู้ สู่รู้ ไปจินตนาการบรรเจิดเลิศเลอ หาว่าผมย้ายค่าย ถ้าเช่นนั้นผมอยู่บางพรรคมา 6-7 ปี คงได้อะไรมาเยอะแล้ว จึงขอยืนยันว่าทุกบาททุกสลึงถูกต้องหมด และในเดือนหน้าผมอายุครบ 60 ปี ทางครอบครัวและผมก็อยากให้รางวัลชีวิตตัวเอง จึงซื้อรถไว้สำหรับครอบครัวก็เท่านั้น ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ร้องมาแล้วไม่สามารถถอนได้ ผมได้ให้ฝ่ายกฎหมายเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว และที่นัดผมไว้วันที่ 5 สิงหาคม ผมสะดวกและพร้อมไปตามนัด” นายเรืองไกรกล่าว

เมื่อถามว่าการที่โพสต์รูปรถพร้อมระบุข้อความว่ามีผู้ใหญ่ใจดีซื้อให้เปรียบเสมือนเป็นการขุดหลุมดักอะไรหรือไม่ นายเรืองไกรหัวเราะ ก่อนกล่าวว่า ตอนแรกก็หวังดักปลาซิว ปลาสร้อย แต่กลับได้วาฬตัวใหญ่

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image