“นิพิฏฐ์” เดือด ซัดเด็กเวร ทะลุฟ้าเมายาบุก ปชป. ปาสีใส่ป้าย-อาคาร จวก ไร้ราก ไร้แก่น เป็นเด็กขี้เกียจ ว่างงาน “โฆษก ปชป” เตรียมแจ้งความเอาผิดกลุ่มทะลุฟ้า ฐานทำลายทรัพย์สิน ปชป. ลั่นต้องดำเนินคดีถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.64 นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุค หลังกลุ่มทะลุฟ้าบุกประชาธิปัตย์ จี้ให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล ว่า “กลุ่มเดินทะลุฟ้า-ต่ำทราม-ไร้อารยธรรม ผมเห็นข่าว กลุ่มผู้ชุมนุม ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มเดินทะลุฟ้า ไปชุมนุมหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แล้วบุกรุกเข้าไปใช้สีขว้างปาไปที่ป้าย และ อาคารพรรคประชาธิปัตย์ ผมได้แต่ถอนใจกับเด็กเวรเหล่านี้ เด็กเวรเหล่านี้ เป็นเด็กไร้ราก ไร้แก่น ไร้อารยธรรม ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กขี้เกียจ ว่างงาน เมายา เด็กเวรเหล่านี้หรือที่เราจะฝากอนาคตประเทศชาติไว้กับมัน เราลองหลับตา แล้วหายใจลึกๆ ดูว่า ถ้าพลเมืองไทยเป็นเหมือนเด็กเวรไร้คุณภาพเหล่านี้ อนาคตประเทศนี้จะเป็นอย่างไร แค่คิดก็ขนลุก ขนชันแล้วใครจะฝากบ้านเมืองไว้กับเด็กเมายาเหล่านี้ก็เอาเถอะ ผมไม่เอาด้วยหรอก!!
“บนหลังคารถ เด็กเวรเหล่านี้ได้เพียงตะโกน สำรอก ใส่ไมโครโฟน อย่างไร้สาระ ดูหน้ามันแต่ละคนสิ เหมือนคนเมายายังไงยังงั้น ถ้าไม่เมายา คนมีสติปัญญาเขาไม่ทำแบบนี้หรอก ผมไม่ได้เป็นผู้บริหารพรรคแล้ว ถ้าผมยังเป็นผู้บริหารพรรค ผมส่งเด็กเวรเหล่านี้เข้าคุกหมดล่ะ”
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมายพรรค ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายที่ทำการพรรค หลังกลุ่มทะลุฟ้าบุกปาสีใส่ โดยกล่าวว่า การแสดงออกของผู้ชุมนุมมกลุ่มทะลุฟ้าที่ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่าไม่ใช่การเดินทางมาชุมนุมโดยสงบ แต่เป็นการมาทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก การปาสีใส่ทรัพย์สินของพรรคไม่ว่าจะเป็นป้ายหน้าพรรค ฝาผนัง กระจก ทุกอย่างเกิดความเสียหาย
“นี่ไม่ใช่การแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นการกระทำที่เกินกรอบของกฎหมายบ้านเมือง การมาเพื่อพูดคุย ปราศรัย สามารถทำได้ พรรคพร้อมรับฟังทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่มากระทำการทำลายทรัพย์สินของพรรคแบบนี้ อยากถามกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนกันว่าวันหนึ่งถ้ามีคนมาทำลายข้าวของในบ้านคุณ คุณจะยอมหรือไม่ ดังนั้นพรรคมีความจำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี อันเนื่องมาจากการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหาย บ้านเมืองมีกฎหมาย เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความศักดิ์สิทธิต่อไป” นายราเมศกล่าว
