‘ก้าวไกล’ คาด ‘ทร.-พรรครัฐบาล’ รู้เห็นเป็นใจ รวบรัดผ่านงบเรือแอลพีดี เหลือเปล่าใช้สอยตามใจ 519 ลบ.

‘ก้าวไกล’ คาด ‘ทร.-พรรครัฐบาล’ รู้เห็นเป็นใจ รวบรัดผ่านงบเรือแอลพีดี เหลือเปล่าใช้สอยตามใจ 519 ลบ. เล็งสาวไส้ต่อ วาระ 2

เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 30 กรกฎาคม นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 และคณะอนุกมธ. ครุภัณฑ์และไอซีที สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงกรณีที่ก่อนหน้าคณะอนุครุภัณฑ์ฯ ได้แขวนงบจัดซื้อยุทโธปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่เรือดำน้ำลำที่ 2-3 ที่กองทัพเรือได้ถอนออกไป โดยไม่มีตัวแทนจากกองทัพเรือเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมกมธ.ชุดใหญ่ ว่า ในที่ประชุมกมธ.คณะใหญ่ หลังจากการชี้แจงปรากฏว่า กมธ.ฝ่ายรัฐบาลเสนอญัตติขึ้นมาทันทีว่าจะไม่มีการปรับลดงบประมาณใดๆ เพิ่มเติมในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรืออีกแล้ว นอกจากงบประมาณ 900 ล้าน ที่กองทัพเรือยอมถอนการซื้อเรือดำน้ำ ดังนั้น กมธ.ในสัดส่วนพรรคก.ก. จึงได้เสนอญัตติเพื่อขอปรับลดงบประมาณเพิ่มเติมนอกเหนือจากงบประมาณ 900 ล้านบาทดังกล่าว ใน 5 โครงการ ที่ไม่เหมาะสมและไม่จำเป็นต่อสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ได้แก่ 1.โครงการจัดหาอากาศยานไร้คนขับประจำฐานบินชายฝั่ง วงเงินรวม 4,100 ล้านบาท ขอจัดสรรปี 65 จำนวน 820 ล้านบาท ขอปรับลด 820 ล้านบาท 2.โครงการจัดหาอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ระยะที่ 2 วงเงินรวม 570 ล้านบาท ขอปรับลด 570 ล้านบาท 3.โครงการซ่อมปรับปรุง ฮ.ปด.1 ระยะที่ 3 วงเงินรวม 257 ล้านบาท ขอจัดสรรปี 65 จำนวน 51.4 ล้านบาท ขอปรับลด 25.7 ล้านบาท 4.โครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์เพื่อยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ วงเงินรวม 4,385 ล้านบาท ขอจัดสรรปี 65 จำนวน 1,170 ล้านบาท ขอปรับลด 519.29 ล้านบาท และ 5.โครงการจัดหารถประจำตำแหน่ง วงเงินรวม 8.38 ล้านบาท ขอปรับลด 8.38 ล้านบาท แต่ทั้ง 5 โครงการนี้ก็ไม่ได้รับเสียงโหวตแม้แต่เสียงเดียวจากกมธ.ซีกรัฐบาล

นายพิจารณ์ กล่าวว่า โดยโครงการที่เป็นประเด็นโครงการแรกคือโครงการจัดหาอากาศยานไร้คนขับประจำฐานบินชายฝั่ง วงเงินรวม 4,100 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการจัดซื้ออาวุธที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันกองทัพอากาศในต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกาและอินเดีย ต่างก็พิจารณาปรับลดหรือเลิกซื้อโดรนขนาดใหญ่แล้ว เนื่องจากปัญหาราคาแพง ถูกตรวจจับง่าย และตกง่ายด้วยอุบัติเหตุที่เกิดจากตัวเครื่อง เพราะโดรนชนิดนี้ต้องใช้สัญญาณจากดาวเทียมในการบังคับ แต่จากเทคโนโลยีในปัจจุบันพบว่าโดรนจำนวน 100 เครื่องทั่วโลก บินตก 50 เครื่อง จึงทำให้เกิดอันตรายกับประชาชน

อีกโครงการที่เป็นประเด็นคือ การจัดซื้อเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ หรือ LPD (2562-2565) ยอดรวมอนุมัติ 4,385 ล้านบาท โดยตั้งแต่ปี 2562 ที่เริ่มโครงการจนถึงปีงบประมาณ 2564 โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณ 3,215 ล้านบาท แต่ปรากฏว่ามีการจ่ายเงินมากขึ้นกว่าที่ได้รับจัดสรร คือ 3,734 ล้านบาท คิดเป็นส่วนต่าง 519.2921 ล้านบาท นี่จึงเป็นประเด็นว่าเงินที่จ่ายเกินไปนี้จะถูกไปใช้กับอะไร ในการชี้แจงชั้นกรรมาธิการฯ สำนักงบประมาณก็พยายามจะอธิบายว่า เงินก้อนที่มีการจัดสรรให้เกิน มาจากการลดเงินของอีกโครงการหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น มี 2 โครงการคือโครงการ A และโครงการ B หากผู้ผลิตของโครงการ A ไม่สามารถส่งมอบของได้ตามแผน ก็จะไม่ได้จ่ายเงินให้กับโครงการนี้ จึงสามารถนำเงินนี้มาจ่ายให้โครงการ B ได้ ซึ่งก็ในกรณีนี้คือการโอนเงินเข้ามาจ่ายให้เรือ LPD ประเด็นที่กรรมาธิการฯ ของพรรคก.ก. พยายามจะชี้แจงว่า เมื่อได้รับเงินเกินไปแล้วในปีงบประมาณ 2565 ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับจัดสรรอีก 1,170 ล้านบาท จึงควรที่จะปรับลดได้อีก 519 ล้านบาทเพื่อให้ตรงกันกับจำนวนเงินของโครงการ

Advertisement

นายพิจารณ์ กล่าวว่า หากเราไปดูในอดีตเราจะพบว่ากองทัพเรือมีพฤติกรรมที่จะโอนเปลี่ยนแปลงเงินที่เหลือจ่ายแบบนี้ไปในโครงการอื่นๆ ที่ไม่เคยเข้าสู่การพิจารณาของชั้นกรรมาธิการฯ โดยในปีงบประมาณ 2563 เคยเกิดเหตุการณ์ที่กองทัพเรือ โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณไปใช้ในภารกิจที่ไม่เคยนำเข้ามาพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรมาก่อน โดยชื่อโครงการเดิมคือ ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงและซ่อมบำรุงและผลิตภัณฑ์เพื่อแจกจ่าย (ทร.120) ซึ่งใช้เงินแล้วเหลือ จึงโอนเงินจำนวน 398 ล้านบาท มาใช้กับการจัดหายุทโธปกรณ์ (ทร. 110) หรือยานเกราะสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของประเทศจีน 3 ลำ การซื้อยุทโธปกรณ์ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อถึงความเหมาะสมว่าจะนำไปใช้กับอะไร หากโครงการเรือ LPD ที่เห็นๆ กันอยู่แล้วว่าจ่ายเงินไปแล้ว 3,734 ล้านบาท แต่กลับยังดึงดันให้จัดงบเพิ่มอีก 1,170 ล้านบาทในปี 2565 แบบนี้กองทัพเรือก็จะมีเงินลอยๆ มา 519 ล้านบาท ซึ่งกองทัพเรือก็จะเป็นผู้ที่บอกว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้กับอะไร

นายพิจารณ์ กล่าวว่า พรรคก.ก. จะติดตามการใช้งบประมาณก้อนนี้ของกองทัพเรือและติดตามดูว่าเงินก้อนนี้จะถูกนำไปใช้กับอะไรบ้าง จากการทำงานในชั้นกรรมาธิการงบฯ จนถึงวันนี้ ตนตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งหมดนี้คือการวางแผนของฝ่ายรัฐบาล และกองทัพเรือหรือไม่ มีความพยายามที่จะทำให้การประชุมอนุกมธ. ครุภัณฑ์และไอซีที ที่น่าจะปรับลดงบประมาณของกองทัพเรือก็ไม่สามารถทำได้ และการเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมจากกองทัพเรือก็ไม่ได้รับการตอบสนอง จนทำให้ต้องยุติการพิจารณาและเข้ามาสู่ห้องกรรมาธิการห้องใหญ่ในวันนี้ และเหมือนว่าจะเป็นการเข้าทางของฝ่ายรัฐบาล ที่มีการรวบรัดเสนอญัตติไม่ปรับลดงบประมาณ

Advertisement

“แม้ว่าในชั้นกรรมาธิการฯ ก็จะไม่สามารถปรับลดงบได้แต่ส.ส.พรรคก.ก. จะนำเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งยังมีมากกว่าที่แถลงในวันนี้ไปอภิปรายในสภาฯ ในวาระที่ 2 และอยากจะให้พี่น้องประชาชนติดตามว่า ในที่ประชุมใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะลงมติกันอย่างไร จะมีการปรับลดการใช้งบประมาณที่ไม่สมเหตุสมผล และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์หรือไม่” นายพิจารณ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image