ทีมโฆษกรบ. เปิดตัวรายการ ‘แจงให้เคลียร์’ เคลียร์ ปมประกาศข้อกำหนดฉ.29 ยัน รบ. ไม่ได้จำกัดสิทธิการแสดงออก

ทีมโฆษกรบ. เปิดตัวรายการ ‘แจงให้เคลียร์’ เคลียร์ ปมประกาศข้อกำหนดฉ.29 ยัน รบ. ไม่ได้จำกัดสิทธิการแสดงออก

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ว่า รายการนี้จะมีต่อเนื่องจากนี้ไปเพื่อให้ทีมโฆษกรัฐบาลมานำเสนอความจริงให้กระจ่าง จากหลายส่วนที่ขณะนี้หลายคนทราบดีว่ามีข้อมูลข่าวสารที่อาจจะบิดเบือนหรือเป็นข้อมูลข่าวสารที่อาจจะทำให้เกิดความหวาดระแวงได้

นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องแรกที่จะพูดคุยคือกรณี ที่สื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพสื่อได้มีความกังวลต่อกรณีที่รัฐบาลประกาศเรื่องการดูแลสื่อ เฟคนิวส์ ข้อมูลข่าวสาร ที่บิดเบือนต่างๆที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งรีบและให้เกิดความชัดเจนว่าข้อมูลต่างๆ เรานั้นเป็นภัยต่อสังคมทำให้เกิดความตระหนักตกใจได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง โควิด-19นี้

ซึ่งในวันเดียวกันนี้ตัวแทนองค์การสื่อวิชาชีพหลายส่วน เช่น สภาการสื่อสารมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ฯลฯ รวม 6 องค์ ได้มายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนจึงได้รับไว้ และได้ยืนยันกับตัวแทนผู้มายื่นหนังสือว่า รัฐบาลไม่ได้จำกัดสิทธิในการที่จะแสดงออก สามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้แต่ทั้งนี้ คงอยู่บนพื้นฐานข้อมูลข้อเท็จจริง หากวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแต่ข้อมูลบิดเบือน ก็อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและเข้าใจผิดและอาจจะทำให้เกิดความเกลียดชังได้ด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะเราคงไม่อยากให้สังคมมีการเผชิญหน้ากัน เราต้องการให้ทุกอย่างสามารถที่จะแก้ไขได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง โควิด-19 นี้

Advertisement

ดังนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็อยากที่จะแจงให้เคลียร์ว่ารัฐบาลจะไม่ได้ปิดกั้น เราต้องการที่จะให้ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ หลายสิ่งหลายอย่างได้บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน และหลังจากนี้ไปจะมีการพูดคุยกันมากขึ้น ในส่วนของด้านสื่อมวลชนเองและทางด้านรัฐบาลในการที่จะหาพื้นที่ตรงกลางที่เราจะมีกรอบในการทำงาน และในอนาคตเรื่องของการที่จะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนหลังจากที่มีข้อกำหนดต่างๆออกไปแล้วแต่ยังดำเนินการอยู่ ประชาชนหลายคนก็บอกว่าอยากให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดตรงนี้ก็ได้หารือกับกระทรวงดิจิทัลฯ ด้วย

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยหลักแล้วเราอยากให้ประชาชนอยู่ด้วยกันอย่างมีเหตุมีผล ข้อมูลที่ประชาชนเผยแพร่หรือแสดงความเห็น วิจารณ์รัฐบาลผ่านสื่อต่างๆไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว เช่นข้อเรียกร้องว่าวัคซีนบางยี่ห้อนั้นอยู่ที่ไหน อยากได้แล้ว อันนี้ไม่เป็นประเด็น หรือการเผยแพร่ภาพในลักษณะที่ว่าตรงนี้เป็นปัญหาคนแออัดอยู่ ซึ่งรัฐบาลถือว่าขอบคุณ ที่แชร์ภาพเหล่านี้มาแล้วเราจะได้เข้าไปดำเนินการแก้ไข ขอให้ประชาชนได้สบายใจ แต่อย่างในวันเดียวกันนี้มันก็มีข่าวลือที่ถ้าปล่อยให้เผยแพร่ออกไปจะเกิดความสับสนความกังวนใจของสังคมทั้งที่มันไม่เป็นความจริงเช่นกรณีของข่าวลือที่ภูเก็ตที่บอกว่ามีคนเสียชีวิตมากมาย และนำภาพคนตายภาพศพไปกองอยู่บนพื้น ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เลย

Advertisement

นายอนุชา กล่าวเสริมขึ้นมาว่า ภาพดังกล่าวก็ไม่ใช่ภาพคนตายจริง เป็นเพียงภาพที่นำผ้าขาวไปพันๆไว้ ราดด้วยสีแดง เพื่อให้ดูเหมือนกับว่าจังหวัดภูเก็ตในตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤต ไม่มีผู้ที่รักษาผู้ป่วยแล้วทิ้งไว้บนถนนซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย อย่างนี้ก็ต้องดำเนินการเพราะไม่เช่นนั้นคนจะเข้าใจผิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่ภูเก็ต ทั้งที่ในความเป็นจริงวันนี้ภูเก็ตมีเรื่องแซนด์บ็อกซ์ ที่กำลังดำเนินการไปด้วยดี ถึงแม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้ออยู่บ้าง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ตามตัวเลขที่รายงาน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50 รายด้วยกัน เสียชีวิต 1 ราย ผู้ติดเชื้อรวมสะสมนับตั้งแต่มีการระบาดระลอกใหม่ ตั้งแต่เดือนเมษายนมามีผู้ติดเชื้อ 1,000 กว่าราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 282 ราย ก่อนหน้านี้รักษาหายไปแล้ว 800 กว่า ราย เสียชีวิตสะสม 12 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขจริงที่สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานให้ประชาชนได้รับทราบอยู่แล้ว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า แต่ภาพที่ถูกนำมาเผยแพร่ทำให้เกิดความตระหนักตกใจเป็นข้อมูลที่เป็นเท็จดังนั้นรัฐบาลก็ต้องมีกระบวนการที่เข้าไปดำเนินการจัดการเพื่อให้สังคมเราอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นจริง ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์นั้นรัฐบาลไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด พร้อมรับฟังทุกเสียงสะท้อนของประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image