“บิ๊กป้อม” แถลงผลงานความมั่นคง2 ปี ยกเป็นรากฐานสำคัญ ปท. พร้อมแจงกลุ่มความมั่นคง 3 ด้าน
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 15 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวแถลงผลงานด้านความมั่นคงในรอบ 2 ปี ว่า ภาพรวมของงานด้านความมั่นคง อันเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีมิติที่กว้างและหลากหลาย ไม่เฉพาะเรื่องปกป้องอธิปไตยของชาติเพียงอย่างเดียว แต่อนาคตจะมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนมากขึ้น เช่น ภัยพิบัติ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว การก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อมุ่งเน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้อยู่ดีกินดี ประกอบอาชีพได้อย่างปกติสุข ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศในมิติอื่นๆ
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่มงาน ได้แก่
1.กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศและอาเซียน คือ งานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงร่วมกับต่างประเทศ ได้แก่ ความร่วมมือทางทหาร เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM) และรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา (ADMM Plus) เข้าร่วมการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในกรอบของสหประชาชาติ
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กลุ่มที่ 2 กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับรัฐ คือ งานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงของประเทศ ได้แก่ การป้องกันประเทศ การปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน โดยบูรณาการการปฏิบัติระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง การป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด การจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและผลักดันกลับประเทศต้นทาง การจับกุมผู้ที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น พร้อมทั้งให้การสนับสนุนรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎหมายโดยจัดตั้งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เพื่อดูแลประชาชนให้มีความสุขและความปลอดภัยในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
“การแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยยึดถือยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ในห้วง 1 ปี ที่ผ่านมา จัดกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือน ปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ทั้งงานการรักษาความปลอดภัย และการพัฒนา ซึ่งสถานการณ์โดยรวมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น สถิติการก่อเหตุรุนแรงลดลงประมาณร้อยละ 60 อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีความเชื่อมโยง และไม่ใช่การขยายพื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงขึ้นมาในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบน” รองนายกฯประวิตร กล่าว และว่า สำหรับป้องกันการก่อเหตุร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ได้มีการบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศเพื่อป้องกันปัญหาการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งได้มีการจัดเตรียมกำลังเตรียมพร้อม เพื่อเผชิญสถานการณ์และแก้ไขปัญหาได้ทันทีในทุกพื้นที่ของประเทศ
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทั้งนี้การดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลและวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลจะยังคงมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การทําประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated fishing : IUU Fishing) และการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ฯลฯ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ซึ่งประเทศไทยได้รับการยกระดับจาก Tier 3 ขึ้นมาอยู่ในระดับ Tier 2 รวมทั้งการคุ้มครองพื้นที่ป่าไม้ โดยบังคับใช้กฎหมายกับนายทุนให้ได้พื้นที่คืน เพื่อจัดสรรเป็นที่ทำกินให้กับราษฎร และฟื้นฟูให้เป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กลุ่มที่ 3.กลุ่มงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง อาทิ การจัดระเบียบสังคมและควบคุมการกระทำผิดกฎหมาย โดยมีการจัดผู้มีอิทธิพล มาเฟีย เรียกรับผลประโยชน์ เสื้อวิน มอเตอร์ไซค์ สลากกินแบ่งรัฐบาล ยาเสพติด บ่อนการพนัน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และการปราบปรามการค้ามนุษย์ การจัดระเบียบการค้าขายบนทางเท้า ชายหาด แก้ไขปัญหารถสาธารณะ/รถแท็กซี่ จัดการนักเรียนตีกัน และการแข่งรถในที่สาธารณะ จัดระเบียบขอทาน การตรวจสถานบริการที่เปิดเกินเวลาและผิดกฎหมายและแหล่งอบายมุข การแก้ไขปัญหาขยะสะสมทั่วประเทศ ดำเนินการตาม “โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา” เลียบแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกรวมความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร และการจัดระเบียบ และแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย ชุมชนคลองลาดพร้าว เพื่อจัดที่อยู่อาศัยให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
“งานด้านความมั่นคงนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะทหาร และตำรวจเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับคนไทยทุกๆ คน เกี่ยวข้องกับการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และการพัฒนาประเทศในมิติอื่นๆ ด้วย ซึ่งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหารและประชาชน ต้องร่วมมือกัน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติ” รองนายกฯประวิตรกล่าว
