09.00 INDEX มายาภาพ เฟคนิวส์ จากรัฐบาล ก่อปราการ แข็งขืน ต่อต้านใหม่
ข้อกำหนดฉบับที่ 29 อันอนุวัตรตามพระราชกำหนดการบริหารราช การในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ของรัฐบาลกำลังถูกท้าทายด้วยความแหลมคมมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
ไม่เพียงแต่จากพรรคเพื่อไทย ไม่เพียงแต่จากพรรคก้าวไกล อันอุดมไปด้วยนักกฎหมายจำนวนมากอยู่ในสถานะเป็นหลังพิง
หากที่ดำเนินไปในลักษณะท้าทายเป็นอย่างมาก คือ จดหมาย เปิดผนึกอันมาจากอาจารย์นักกฎหมาย เพราะปรากฏว่ามีอาจารย์ที่ สอนวิชากำหมายมากกว่า 70 คนร่วมลงชื่อแสดงความเห็นด้วย
ยิ่งกว่านั้น ภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชนยังอยู่ในสถานะอันเป็นตัวกลางในการประสานเข้ากับองค์กรสื่อ องค์กรประชาชนเพื่อนำความขึ้นฟ้องร้องต่อศาลแพ่งให้วินิจฉัยชี้ขาด
ขณะที่ทางด้านรัฐบาลและศบค.ก็รุกคืบเข้ามาอีกขั้นด้วยการ แต่งตั้งกสทช.เข้ามามีบทบาทอยู่ในศบค.
ทำหน้าที่เพื่อควบคุม “โซเชียล มีเดีย” อย่างเป็นการจำเพาะ
ฃเท่ากับทำให้การปะทะระหว่างรัฐบาลและศบค.กับกระบวนการของสื่อและประชาชนมากด้วยความร้อนแรงยิ่งขึ้น
พลันที่มีการนำข้อกำหนดฉบับที่ 29 เข้าสู่การพิจารณาของศาลเท่า กับภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน องค์การสื่อและภาคประชาชนฝากความหวังอยู่ที่ศาลสถิตยุติธรรม
เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามจากรัฐบาลและศบค.ที่จะทำในลักษณะเดียวกันนี้ต่อสื่อบางสื่อในโซเชียลมีเดีย
เพียงแต่สื่อได้ยื่นร้องต่อศาลสถิตยุติธรรมและศาลได้วินิจฉัยออกมาว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไม่สามารถที่จะปิดสื่อได้เว้นแต่จะมีคำพิพากษาจากศาลยุติธรรม
การออกข้อกำหนดฉบับที่ 29 จึงไม่เพียงแต่ขัดต่อคำวินิจฉัย ของศาลสถิตยุติธรรมเท่านั้น หากเด่นชัดยิ่งว่าอาจขัดต่อบทบัญญัติ
ของรัฐธรรมนูญอย่างน่าเป็นห่วงอย่างที่สุด
ต้องยอมรับว่ามาตรการล่าสุดอันมาจากรัฐบาลประสานเข้ากับกระ บวนการของศบค. ไม่เพียงแต่จะอาศัยคำว่า “เฟคนิวส์” มาเล่นงานต่อดารา นักร้องและเอ็นฟลูเอนเซอร์ หากแต่พุ่งเป้ามายังสื่อ
ผลก็คือได้เกิด “ปราการ” แห่งการคัดค้าน ต่อต้านอย่างแข็งขัน
แทนที่รัฐบาลและศบค.จะมุ่งความสนใจไปยังปัญหาของโควิด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน การจัดหาวัคซีน
ตรงกันข้าม กลับสร้างปราการและเปิด “แนวรบ” กับประชาชน