‘สมชัย’ ชี้ สัญญาณร้อน หากโลภเดินหน้าแก้ รธน.ประเด็นที่ถูกตีตกวาระ 1 เสี่ยงมีปัญหา คนลงมติเดือดร้อนแน่
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงสัญญานแห่งความร้อนรนในการรัฐธรรมนูญรายมาตรา ว่า การอ้างถึงข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 124 วรรคท้าย ที่ระบุว่า การแปรญัตติเพิ่มเติมมาตราขึ้นใหม่ ตัดทอนหรือแก้ไขมาตราเดิม ต้องไม่ขัดกับหลักการแห่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เว้นแต่การแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการ กำลังถูกมือกฎหมายจอมปลอมใช้เป็นแก้วสารพัดนึก คิดอยากจะแก้เพิ่มในมาตราใดก็แก้ตามใจชอบ ต้องอย่าลืมคำว่า ต้องไม่ขัดกับหลักการแห่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและการแก้ไขเพิ่มเติมที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการนั้น ซึ่งหลักการแห่งร่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มี 2 ข้อ คือ มาตรา 83 แก้สัดส่วน ส.ส. เขตให้มากขึ้น และบัญชีรายชื่อให้น้อยลง และข้อ 91 ให้นับคะแนนจากบัตรใบที่สองเพื่อคำนวณจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคควรจะได้
นายสมชัยกล่าวว่า การแก้ไขเพิ่มเติมที่เกี่ยวเนื่องที่ถูกเสนอเข้ามาคือ 1.การคำนวณจำนวน ส.ส. เขตในแต่ละจังหวัด 2.การยกเลิกการต้องคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่เมื่อมีการเลือกตั้ง ส.ส.เขตใหม่ภายใน 1 ปี และ 3.การกำหนดให้ต้องไปแก้กฎหมายลูก ที่เกี่ยวเนื่อง ภายในกรอบเวลาที่เห็นสมควร แต่ประเด็น 4.ต้องส่ง ส.ส. เขต อย่างน้อย 100 เขต จึงจะส่งบัญชีรายชื่อได้ และ 5.การกำหนดให้พรรคต้องได้คะแนนรวมขั้นต่ำร้อยละ 1 ของคนที่มาใช้สิทธิ จึงจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งสองประเด็นหลังถูกลากเสนอเข้ามาด้วยเหตุเกี่ยวเนื่อง แต่เคยเป็นประเด็นหลักการในร่างมาตรา 90 และ 91 ที่พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย เคยเสนอต่อรัฐสภาและถูกลงมติไม่รับหลักการไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน
“แก้ประเด็น 1, 2, 3 โดยอาศัยข้อบังคับข้อ 124 วรรคท้าย หากโหวตใน กมธ. ชนะ คงไม่มีใครว่าอะไร แต่หากยังโลภมาก ใช้เสียงข้างมาก โหวตเอาชนะ ประเด็น 4 และ 5 ซึ่งเป็นประเด็นที่เคยไม่รับหลักการทั้งๆ ที่มีคนทักท้วงแล้ว หากในอนาคตมีคนชี้ว่าผิด มัดรวมของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมอาจมีปัญหา คนลงมติก็เดือดร้อน” นายสมชัยกล่าว
