อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศแนะทางลงประยุทธ์ แบบไม่ถูกตามล้างแค้น ต้องประกาศสัญญาประชาคม-ขีดเส้นยุบสภา
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เขียนข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงการอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า
นาทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจทำรัฐประหาร ผมเองไม่แน่ใจว่าท่านได้นึกไว้ล่วงหน้าหรือไม่ว่ามันเป็นการขึ้นหลังเสือที่ยาวนานขนาดนี้
ประเด็นคือ แล้วจะลงจากหลังเสือกันอย่างไร โดยไม่โดนเสือกัด?
จริงอยู่ว่า ผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาแม้ช่วงเริ่มต้นจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ภาพรวมนั้นค่อนข้างน่าผิดหวัง
อีกทั้งฝั่งตรงข้ามก็ยังปลุกระดมมวลชนคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาร่วมได้มากมาย ซึ่งในอนาคตจะเป็นขุมกำลังให้กลับมากุมอำนาจบริหาร และแน่นอนว่าคงต้องมีการเอาคืน พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร สังคมไทยทุกยุคทุกสมัยนั้นยกย่องคนที่เป็นลูกผู้ชาย ไม่ว่าผู้นั้นจะทำความผิดขนาดไหน หากยืดอกยอมรับ แล้วมุ่งแก้ไขให้ลุล่วง ก็มักจะได้รับการยกย่องในที่สุด (รวมทั้งมองข้ามข้อผิดพลาดในอดีตไป)
ข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ชนิดที่สามารถทำให้สังคมแตกแยก และนำพาวิกฤตทางการเมืองกลับมาอีกหน ก็คือ รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากล
ดังนั้น ทางลงจากหลังเสือของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ใช่ การลาออก หรือยุบสภาในทันทีเพราะทั้งสองทาง คือการลอยแพสังคมไทยให้วนกลับไปจมกับปัญหา และข้อขัดแย้งที่รัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยเหมือนเดิม
หากแต่ทางออกคือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศสัญญาประชาคม ว่าจะยุบสภาภายใน 6-8 เดือน โดยระหว่างนั้น ตนจะเป็นเจ้าภาพ ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะใช้อำนาจที่มี รวมทั้งเครือข่าย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ที่มีในการดำเนินการอย่างพร้อมเพรียง
และหลังจากนั้น เมื่อได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ไม่สร้างปัญหาข้อขัดแย้งในสังคมแล้ว ก็ค่อยจัดให้มีการเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิเลือกผู้บริหารประเทศกันอีกหน
ทำได้เช่นนี้ สังคมจะแซ่ซ้องสรรเสริญ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นผู้ที่เสียสละ มีความเป็นลูกผู้ชาย กล้าทำ กล้ารับผิดชอบ และมีคุณูปการต่อประชาธิปไตยของไทย ฝ่ายตรงข้ามก็คงยากที่จะตามล้างตามเช็ดท่านได้หลังลงจากเวทีไป
