ผิดเชิงยุทธศาสตร์ พลาดยุทธวิธี ในมือแกร่ง ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถามว่าวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1.5 ล้านโดสประเทศไทยได้มาอย่างไร คำตอบเด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นการบริจาคให้ด้วยไมตรีจิตจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา
เป็นการบริจาคให้ด้วยความหวังที่จะให้เป็นเหมือนของกำนัลไปยังบุคลากรแพทย์และสาธารณสุขอันถือว่าเป็น ‘ด่านหน้า’
เป็นการบริจาคท่ามกลางสถานการณ์อันเป็นเหมือน ‘เงาสะท้อน’ แห่งความไม่ไว้วางใจที่ปรากฏขึ้นในทางสังคม ไม่ว่าจะมาจาก ‘หมอไม่ทน’ หรือ ‘ภาคีบุคลากรทางการแพทย์’ ว่าอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้
และเมื่อวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1.5 ล้านโดสเดินทางมาถึงมือของรัฐบาล
ความอื้อฉาวจากมาตรการสลับซับซ้อนก็ปรากฏขึ้น
เป็นความสลับซับซ้อนซึ่งก่อความยุ่งยากในการฉีด ‘ด่านหน้า’
เป็นความสลับซับซ้อนอันสะท้อนให้เห็นถึง ‘มาตรการ’ ที่ทำให้การได้วัคซีนไฟเซอร์ของบุคลากร ‘ด่านหน้า’ มีความยุ่งยาก ไม่ทั่วถึง
กลายเป็น ‘ปฏิกิริยา’ ขยายกลายเป็น ‘ความอื้อฉาว’ ทั่วเมือง
สถานการณ์อันเกิดขึ้นระหว่างวัคซีนไฟเซอร์กับบุคลากร ‘ด่านหน้า’ ในทางการแพทย์และสาธารณสุข นำไปสู่การเปรียบเทียบมาตรการ แจกเงินในห้วงหลัง ‘ล็อกดาวน์’ เดือนเมษายน 2563
ทั้งๆ ที่เป็น ‘เงินแจก’ แต่กระบวนการแจกเงินของรัฐบาล ของกระทรวงการคลังก็ก่อปัญหา สร้างความไม่พอใจ
กลายเป็นข้อครหานินทาว่า แม้กระทั่งมาตรการ ‘แจกเงิน’ ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างบุญคุณด้วยน้ำใจไมตรีจากรัฐบาล แทนที่จะได้รับการยกย่องกลับอึงคะนึงไปด้วยเสียงสาปแช่ง
จากมาตรการ ‘แจกเงิน’ จึงโยงมายังมาตรการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับบุคลากร ‘ด่านหน้า’ ทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งได้มา
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ทำให้เกิด ‘ปัญหา’ จนได้
ไม่ว่ากรณีของการ ‘แจกเงิน’ ในห้วงเดือนพฤษภาคม 2563 ไม่ว่ากรณีการฉีดวัคไฟเซอร์ในเดือนสิงหาคม 2564 จึงสะท้อนให้เห็นปัญหาจากรากฐานเดียวกัน
นั่นก็คือ รากฐานการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ล้มเหลว
เป็นความล้มเหลวอันเนื่องแต่ทิศทางของผู้นำ ผู้รับผิดชอบ
เป็นความผิดเชิง ‘ยุทธศาสตร์’ พลาดเชิง ‘ยุทธวิธี’ เด่นชัด