กมธ.การเมือง เล็งเรียก ‘ผู้บัญชาการ คฝ.’ แจงเหตุสลายม็อบ ส่ง ‘อมรัตน์’ สังเกตการณ์ม็อบทะลุฟ้า 13 ส.ค. ก่อนรายงานกมธ.ชุดใหญ่
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมช่วงที่ผ่านมา ว่า ตนขอชวนพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมเย็นวันนี้ ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลไม่ใช่เพื่อปกป้องการใช้อำนาจด้วยคำสั่งอันไม่ชอบธรรม ในครั้งนี้ตนขอสื่อสารไปยังเจ้าหน้าที่ประดับปฏิบัติการที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมนุมวันนี้เช่นกันว่า ก่อนกระทำการใด โปรดระลึกไว้ว่า คุณและผู้ชุมนุมก็คือประชาชนเหมือนกัน มีพ่อแม่ครอบครัวอยู่ข้างหลัง การออกมาเรียกร้องของผู้ชุมนุมเพราะเขาต้องการเห็นประเทศไทยที่พวกเราทุกคนรวมถึงคุณด้วยจะสามารถมีชีวิตได้อย่างมีความหวังและมีอนาคต พวกคุณสามารถเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ด้วยความสามารถ ไม่ใช่ด้วยการเข้าหานายหรือมีเส้นสายเป็นเด็กฝากของใคร
“เชื่อในตัวพวกคุณทุกคนว่าจะยังรักในเกียรติ ในศักดิ์ศรี และมีความรักต่อประชาชน ไม่ใช่สัตว์ร้ายที่จะยินยอมกระทำตามในสิ่งที่ผิดอย่างปราศจากมโนสำนึกอย่างไรก็ตาม ผมในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ได้แต่งตั้ง นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.นครปฐม พรรคก.ก.ในฐานะกรรมาธิการฯ เป็นประธานติดตามการชุมนุมเพื่อสังเกตการณ์และรวบรวมเหตุความรุนแรงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน เพื่อรายงานต่อที่ประชุมกรรมาธิการใหญ่ และจะเรียกผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้าชี้แจงต่อกมธ.ต่อไป และผมในฐานะตัวแทนของประชาชนที่ทำหน้าที่ประธานกมธ. ยืนยันว่าจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ยอมให้มีการละเมิดสิทธิหรือการก่ออาชญากรรมโดยรัฐกลายเป็นสิ่งปกติในสังคมประชาธิปไตยอย่างแน่นอน” นายณัฐชา กล่าว
นายณัฐชา กล่าวว่า อยากฝากไปยังรัฐบาลว่า การกระทำที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานที่ล้มเหลวในการจัดการโรคระบาดแล้วมองหาช่องทางนิรโทษกรรม รวมไปถึงการไล่ล่าจับกุมคุมขังและปิดปากประชาชน เพื่อยืดเวลาต่ออำนาจในการบริหารประเทศท่ามกลางความป่นปี้เช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับสุนัขจนตรอกที่ตะเกียกตะกายและกัดไปทั่วขอแค่มีชีวิตรอดโดยไม่สนใจว่าประเทศจะพังพินาศไปขนาดไหน การกระทำเช่นนี้ต่างหากที่สมควรต้องถูกจัดการเพราะถือเป็นศัตรูอันเป็นภัยสูงสุดต่อประเทศอย่างแท้จริง