อย่าให้ประทัด กลบเสียงร่ำไห้ ‘ณัฐวุฒิ’ ปลุกพลังคาร์ปาร์ก วางเดิมพัน ‘สันติภาพ’

อย่าให้ประทัด กลบเสียงร่ำไห้ ‘ณัฐวุฒิ’ ปลุกพลังคาร์ปาร์ก วางเดิมพัน ‘สันติภาพ’ ชี้ ผ่าน คฝ.กระสุนยาง เจอทหารกระสุนจริง

สืบเนื่อง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และอดีตแกนนำ นปช. ประกาศนัดหมายทำกิจกรรม ‘คาร์ปาร์ก’ 3 เส้นทาง ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นการรวมกิจกรรม คาร์ม็อบและไฮด์ปาร์ก (ปราศรัย) ไว้ด้วยกัน เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น

อ่านข่าว : ณัฐวุฒิ เปิด 3 เส้นทางคาร์ปาร์ก 15 สิงหา บ่าย 3 ปลุกทั่วประเทศบีบแตรไล่ประยุทธ์พร้อมเพลงชาติ 18.00 น.

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม นายณัฐวุฒิได้โพสต์ภาพกราฟิกพร้อมข้อความ ผ่านทางเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบุว่า
เดิมพันสันติภาพ
ไม่ลุย ไม่บวก ไม่ปะทะ
ไล่ประยุทธ์นะจ๊ะ ให้มันจบที่รุ่นมัน
#ไล่ประยุทธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิยังได้โพสต์คำแถลงการณ์ ถึงการใช้กำลังเข้าควบคุมประชาชนอย่างต่อเนื่องของฝ่ายรัฐ พร้อมประกาศชัดว่า ตนยึดแนวทางสันติวิธี ความว่า

Advertisement

“ผมชักธงสันตินะครับ ไม่ได้ชักธงสงคราม เราจะเดิมพันสันติภาพกัน โดยให้สังคมเป็นกรรมการ”

อย่างที่พวกเรารับทราบว่าหลายวันมานี้ มีเหตุการณ์ปะทะด้วยกำลัง ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุม จนแทบจะกลายเป็นภาพชินตา แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยและกังวลของผู้คน

เรียนไปยังรัฐบาล เรียนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมชักธงสันตินะครับ ไม่ได้ชักธงสงคราม

Advertisement

แน่นอนที่สุด ผมอยู่ข้างประชาชน เมื่อเกิดการปะทะ เมื่อเกิดการบาดเจ็บ รัฐบาลและหน่วยงานรัฐต้องเป็นผู้รับผิดชอบ จะแสดงตนเสมือนหนึ่งมีประชาชนเป็นคู่กรณีไม่ได้ การใช้กำลัง การใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ต้องเป็นไปโดยภายใต้กรอบของกฎหมาย ตามหลักสากล และด้วยเมตตาธรรมของคนสวมเครื่องแบบที่มาจากภาษีอากรของประชาชน

ผมยืนอยู่ในสนามการต่อสู้มาแล้ว 10 กว่าปี ไม่ว่าจะถูกสร้างภาพให้สังคมเข้าใจว่าอย่างไรก็ตาม แต่ผมแน่ใจว่าประสบการณ์ทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ประสานงานกับผมมาตลอดการต่อสู้ ท่านต้องทราบว่าผมยึดหลักสันติวิธี ท่านต้องจำได้ว่าในวิกฤตที่สุด ในความรุนแรงท่ามกลางความสูญเสีย ผมเป็นคนที่เดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยงทุกครั้ง แล้วเจรจากับฝ่ายรัฐเพื่อยุติความรุนแรง ยุติความสูญเสีย บางครั้งการทำหน้าที่เหล่านั้นทำให้ผมกลายเป็นคนที่ตกอยู่ในวงล้อมของเจ้าหน้าที่ แต่ผมก็ทำ แล้วก็ไม่เคยถอยหนี ไม่เคยบิดพริ้ว ดังนั้น เมื่อผมประกาศว่าเราช่วยกันชักธงสันติ ก็หวังว่าจะได้รับการตอบสนองจากฝ่ายเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี

เราจะเดิมพันสันติภาพกัน โดยให้สังคมเป็นกรรมการ

“พี่น้อง คฝ. สิ่งที่ท่านจะได้คือเบี้ยเลี้ยงรายวันเท่านั้น ซึ่งผมขอส่งความห่วงใย ขอให้ท่านได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย”

ณัฐวุฒิยังกล่าวต่ออีกว่า ตนไม่ได้เจตนาจะกล่าวหาให้ร้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ทั้งยังเข้าใจและเชื่อว่า เหนือจากบทบาท ‘คฝ.’ เนื้อในของพวกเขาก็คือ ประชาชน ผู้ทุกข์ทนอยู่ภายใต้การบริหารจัดการที่ล้มเหลวของรัฐบาลเช่นเดียวกัน

แน่นอนครับ ท่านเป็นมนุษย์ ท่านมีอารมณ์ ท่านอยากตอบโต้ เมื่อท่านรู้สึกว่าเกินทนเกินกลั้น ท่านก็อาจจะอยากเดินหน้าฟาดฟันใส่พวกมัน แต่ในนามของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ท่านทำแบบนั้นไม่ได้

เรารู้นะครับ ว่าพ่อแม่ลูกเมียของท่านส่วนใหญ่ ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

เรารู้ด้วยว่าตัวท่านที่เป็นเจ้าหน้าที่ คฝ.เอง หลายท่านได้ฉีดวัคซีนแล้ว แต่วัคซีนที่ได้รับไม่ได้มีคุณภาพ หรือไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับท่าน

เรายังรู้อีกว่า ญาติพี่น้อง คนในครอบครัวของท่านบางคน คงรอเตียงจนตาย เป็นกลุ่มเสี่ยงแต่ไม่ได้ตรวจ เป็นผู้ป่วยแต่ไม่ได้ยา

เรารู้อีกว่า เพื่อนมิตร คนใกล้ชิดที่ท่านรักใคร่ห่วงใย ตกงาน กิจการพินาศวอดวาย ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัส ดำรงชีพอย่างสิ้นหวังอยู่ในขณะนี้

เรารู้เรื่องพวกนี้เพราะเราคือประชาชนผู้กำลังทุกข์ทนเหมือนกับท่านเช่นเดียวกัน

เรารู้ว่าในใจท่านก็มีคำถามมากมาย กับการบริหารจัดการของรัฐบาล เรารู้ว่าท่านต้องการวัคซีนคุณภาพ ชุดตรวจคุณภาพ ต้องการการเยียวยา ต้องการการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม รับมือวิกฤตได้จริง เรารู้ว่าท่านต้องการเรื่องพวกนี้เหมือนกับเรา และเรารู้ว่าภายใต้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาทำไม่ได้

ถ้าพี่น้อง คฝ. รับคำสั่งแล้วปฏิบัติหน้าที่จัดการกับผู้ชุมนุมด้วยกำลัง สิ่งที่ท่านจะได้คือเบี้ยเลี้ยงรายวันเท่านั้น ซึ่งผมขอส่งความห่วงใย ขอให้ท่านได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตามที่ออกมาทำงาน แต่ถ้าท่านทำหน้าที่ด้วยความเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจประชาชน ถ้ามีโอกาสที่จะเรียกคืนความหวังของชีวิตกลับคืนมา พร้อมๆ กับประชาชนทั้งประเทศ

“ถ้าเราผ่าน คฝ. 5 กองร้อยไปได้ ก็จะพบกับอีก 10 กองร้อย และต่อให้ผ่าน คฝ. กระสุนยาง ก็จะไปเจอกับทหารกระสุนจริง”

ณัฐวุฒิย้ำ เคียงข้างประชาชนคนหนุ่มสาวตั้งแต่ยังสิ้นอิสรภาพอยู่ในเรือนจำและจะเคียงข้างต่อไป ยืนยัน ที่ผ่านมาไม่เคยแสดงความคิดเห็นกับแกนนำคนใดหากไม่ได้ถูกถาม แต่ครั้งนี้ขอปรารภถึงประชาชนผู้ร่วมต่อสู้โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวสักครั้ง ใจความว่า

จะว่าพี่ขี้ขลาด จะว่าพี่ไม่สู้ จะว่าพี่ล้าหลังไม่ก้าวหน้า จะว่าพี่อย่างไรก็ตาม พี่น้อมรับ แต่พี่อยากจะบอกว่าหัวใจสู้ของคนหนุ่มสาว ส่วนตัวพี่คารวะ ยอมใจในการต่อสู้อย่างลืมเหนื่อย ลืมตัว ลืมตาย เพื่ออนาคตของคนรุ่นเดียวกัน เพื่ออนาคตของบ้านเมืองที่ดีกว่า แต่อย่าลืมว่า กลยุทธ์สำคัญอย่างหนึ่งของการต่อสู้ คือเราต้องหันด้านที่แข็งแรงที่สุด ปะทะกับด้านที่อ่อนแอที่สุดของคู่ต่อสู้ ในทัศนะผมด้านที่แข็งแรงที่สุดของประชาชน คือพลังบริสุทธิ์ที่เห็นชอบร่วมกัน ยึดหลักสันติวิธีร่วมกัน แล้วแสดงออกอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งประเทศ

ในขณะเดียวกัน ด้านที่อ่อนแอที่สุดของฝ่ายผู้มีอำนาจวันนี้ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์คือศูนย์รวมความชิงชังของคนทั้งประเทศ คือมือวางอันดับหนึ่งเรื่องความล้มเหลวไร้สามารถ และเป็นเป้าหมายที่ประชาชนต้องการขับไล่ ในขณะเดียวกันด้านที่อ่อนแอของฝ่ายประชาชนก็คือกำลังสู้รบ ในขณะที่ด้านที่แข็งแรงที่สุดของฝ่ายรัฐก็คือกองกำลังเหล่านี้ ถ้าเราผ่าน คฝ. 5 กองร้อยไปได้ ก็จะพบกับอีก 10 กองร้อย 20 กองร้อย 50 กองร้อย และต่อให้ผ่าน คฝ. กระสุนยาง ก็จะไปเจอกับทหารกระสุนจริง

ไม่ใช่วาระ ไม่ใช่เวลาที่ประชาชนต้องไปเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนั้น เหมือนกับที่ผมและพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ ได้เผชิญหน้ามาแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน

“เราอย่าให้เขาใช้เสียงประทัดกลบเสียงร่ำไห้ของประชาชน”

บางตอนจากช่วงถามตอบสื่อมวลชน ณัฐวุฒิตั้งข้อสังเกตว่าปฏิบัติการความรุนแรงที่เกิดต่อเนื่องในช่วงหลัง อาจเป็นเจตนาและความพึงใจของผู้มีอำนาจ นอกจากนี้ ยังส่งสารถึงทั้งประชาชนโดยทั่วไป และฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งร่วมเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ ว่า

จุดหนึ่งที่ต้องเข้าใจร่วมกันก็คือ ความโกรธเกรี้ยวของคนหนุ่มสาว เขาแสดงออกมามากกว่าคนรุ่นเรา เพราะเขารู้สึกว่าปัญหาความขัดแย้งที่คนรุ่นเราแก้ไขไม่ได้กำลังพรากชีวิตหนุ่มสาวของพวกเขา กำลังพรากอนาคตของพวกเขา เขาจึงออกมาเรียกร้องทวงถาม ซึ่งผมถือว่าเป็นความชอบธรรม

ส่วนรูปแบบวิธีการ ก็เชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายตั้งสติกันดีๆ ใช้ความอดทนอดกลั้น เราก็จะพากันผ่านสถานการณ์เหล่านั้นกันไปได้

แต่สำหรับฝ่ายผู้มีอำนาจผมไม่แน่ใจ ว่าที่กำลังทำกันอยู่นี้มีเจตนาอะไร เพราะเท่าที่ดูหลังๆ เสมือนหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการประสาน ไม่มีการเจรจาอะไรกันเลย เจอหน้าก็พุ่งเข้าใส่กัน ซึ่งตรงนี้คือสิ่งที่ผมยืนยันว่า ฝ่ายรัฐต้องรับผิดชอบ

ถึงพี่น้องประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยที่ออกมาต่อสู้ทุกคนนะครับ ว่าดูเกมนี้ดีๆ ผมเชื่อว่าบรรยากาศการเผชิญหน้า การปะทะทั้งหมดที่มันเกิดอยู่ เป็นความพึงพอใจของฝ่ายผู้มีอำนาจ เป็นความต้องการที่จะให้ทุกวันมันจบด้วยภาพความรุนแรงเหล่านี้ ถ้านี่ไม่ใช่ความต้องการของผู้มีอำนาจ ถ้านี่ไม่ใช่ความพึงพอใจ ไม่ใช่เจตนา เราจะเห็นเสียงคนในรัฐบาลออกมาปราม ออกมาพูดถึงแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่บ้างแล้ว แต่นี่ไม่มี

ดังนั้น ต้องตระหนักนะครับ เราอย่าให้เขาใช้เสียงประทัดกลบเสียงร่ำไห้ของประชาชน อย่าให้เขาใช้ควันแก๊สน้ำตาบดบังความบาดเจ็บล้มตายพินาศวอดวายของประชาชน อย่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความรุนแรงที่เบี่ยงเบนสายตาประชาชนไปได้

15 สิงหาคมนี้ ช่วยกันทำให้พลังของประชาชนเกิดขึ้นและจบลงอย่างที่เราต้องการ อย่าให้มันเป็นการเริ่มต้นด้วยเจตนาของเรา และจบลงด้วยเป้าหมายของผู้มีอำนาจ

https://www.facebook.com/Nattawut.UDD/posts/382461186568818

///

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image