‘ศุภชัย’ ฟาดฝ่ายค้าน อย่าตัดแปะ อย่าน้ำเน่า! ขอซักฟอกสร้างสรรค์ไม่ใช่นั่งวิจารณ์รายวัน ต้องช่วยกันหาทางออก ที่ทำได้จริงให้กับบ้านเมือง
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่คาดว่าเกิดขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้ ว่า เรื่องโควิด-19 จะเป็นเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดและเท่าที่ได้อ่านญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นเอกสารที่มีการเผยแพร่ทางสื่อ มีการใส่ดราม่าเข้าไปเยอะเพื่อโจมตีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จนตนแปลกใจว่านี่คือ งานนำเสนอของคนที่เรียกตัวเองว่า ผู้แทนราษฎร เป็นการตัดแปะข้อมูลมาผสม ให้คนอ่านเกิดความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกให้กับสังคม ไม่สนใจความเป็นไปของทั้งโลก รัฐมนตรีจะไปดูถูกโรคได้อย่างไร ในเมื่อประเทศไทยเป็นประเทศแรกนอกจากแผ่นดินจีนที่ตั้งด่านคัดกรองผู้ป่วย และเป็นประเทศแรกที่พบผู้ป่วยนอกแผ่นดินจีน จากนั้นเราก็คุมโรคระบาดได้เรื่อยมาเคยขึ้นไปถึงอันดับ 1 ของโลก แต่ก็ขอให้เข้าใจว่า โควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ซึ่งในเอกสารที่ท่านยื่นสภาก็เขียนคำนี้ไว้ แสดงว่าท่านรู้แก่ใจว่า การจัดการกับโรคนี้เป็นอย่างไร
ทั้งนี้ จะเห็นว่าทั่วโลกเองก็ตกที่นั่งลำบาก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ทุกวันทั่วโลกมีคนติดเชื้อกัน 5-6 แสนคน ตนไม่อยากจะเอาประเทศไทยไปเทียบกับประเทศไหนทั้งนั้น เพราะจะกระทบความสัมพันธ์กันเสียเปล่าๆ แต่คำว่าโรคอุบัติใหม่ มันตอบคำถามทุกอย่างว่า อะไรที่เราคิดว่าดีตอนนี้ ในอนาคต อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ที่แน่นอนคือ มาตรฐานการรักษาของไทยดีมาก ผู้เสียชีวิตเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อไม่ถึง 1% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลก ซึ่งอยู่ที่ 2% กว่าๆ และเรื่องวัคซีนเองก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ถึงขนาดที่ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ต้องออกมาประณามประเทศที่มีรายได้สูงและกักตุนวัคซีน นี่คือภาพสะท้อนของสถานการณ์จริงๆ และไทยก็เป็นสมาชิกโลกที่ก็บอบช้ำจากสถานการณ์ตรงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้การบริหารจัดการมีความซ้ำซ้อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ประเทศไทยก็ได้พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้า วันนี้ ให้บริการในหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นสวัสดิการที่รัฐมอบให้ไปจนถึงวัคซีนทางเลือก มีการฉีดวัคซีนแล้วหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายชนิด มีการฉีดเข็ม 3 แล้ว ส่วนวัคซีนที่ไทยใช้นั้น มีประสิทธิภาพแน่นอน เพราะผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลกแล้ว วัคซีนที่เป็นประเด็นถกเถียงทั้งหลาย ล่าสุดโคแวกซ์ (COVAX) ก็จัดหาเข้ามาถึงกว่า 350 ล้านโดสให้ประเทศสมาชิกได้ใช้ควบคุมโรค
นายศุภชัยกล่าวว่า เชื่อมั่นว่า คนทำงานก็ทำอย่างสุดความสามารถ วันนี้ไทยฉีดได้มากกว่า 23 ล้านโดส โดยตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาสามารถฉีดได้มากกว่า 16 ล้านโดส เกิดขึ้นโดยคนทำงานทุกระดับชั้น ไม่ได้เกิดจากปากนักวิจารณ์แน่นอน สำหรับเรื่องการกักตัวที่บ้าน หรือการทำ Home Isolation ก็เป็นแนวทางที่ทั่วโลกปฏิบัติเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ป่วยอาการปานกลางขึ้นไป ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ ลดการสูญเสียชีวิต นี่คือแนวทางทางการแพทย์ที่ใช้กันทั่วโลก แต่เมื่อประเทศไทยนำมาใช้กลับกลายเป็นประเด็นใช้ถูกโจมตีทางการเมืองและที่มีการไปกล่าวหาว่า ท่านมุ่งหาประโยชน์จากวัคซีน ตนขอถามว่า นอกจากการพูดจารุนแรงสร้างดราม่ารายวันของสมาชิกฝ่ายค้านแล้วมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมอื่นหรือไม่
“ส่วนตัวอ่านเอกสารยื่นญัตติอภิปรายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจและละเหี่ยใจน่าสมเพชเวทนาฝ่ายค้านที่เล่นการเมืองแบบน้ำเน่า ดีแต่สร้างดราม่า ด่าอีกฝ่ายไปวันๆ ฝ่ายค้านที่ไร้ประสิทธิภาพเช่นนี้ คงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ ไม่มีพัฒนาการ ดีแต่ใช้คำรุนแรง ด่าเหน็บแนมเสียดสี ดูหมิ่นดูแคลน ว่าเป็นคนเลวคนชั่วช้าสามานย์ แต่พอถึงเวลาอภิปรายก็เอาข้อมูลเก่าไปพูดซ้ำๆ ซากๆ เป็นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ ฝ่ายค้านที่ดีต้องไม่ใช่แค่นั่งวิจารณ์รายวัน แต่ต้องช่วยกันหาทางออกที่สามารถปฏิบัติได้จริงให้กับชาติบ้านเมือง เป็นฝ่ายตรวจสอบที่ดี ทำงานอย่างสร้างสรรค์ ส่วนสิทธิ์ในการอภิปรายเป็นสิทธิของท่านอยู่แล้วและทางฝ่ายรัฐบาลก็ต้องชี้แจง แต่มันควรจะเป็นเวทีเพื่อตรวจสอบการทำงาน หาทางพาบ้านเมืองไปข้างหน้า ไม่ใช่อีเวนต์มาสาดโคลนใส่กัน” นายศุภชัยกล่าว
