สัญญาณ เจ้าสัว ธนาคารกลาง สัญญาณ เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท
ไม่ว่าข้อเสนอจาก ‘เจ้าสัว’ ไม่ว่าข้อเสนอจาก ‘ธนาคารกลาง’ ตรงกันในความจำเป็นที่จะต้องอัด ‘เงิน’ เข้าไปอีกก้อนใหญ่เพื่อรับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่จะโถมซัดเข้ามา
สะท้อนให้เห็นว่าเงินกู้ที่อนุมัติไปแล้ว 1.1 ล้านล้านบาท และอีก 5 แสนล้านบาทยังไม่เพียงพอ
จำเป็นต้องเติมเข้าไปอีกอย่างน้อยก็ 1 ล้านล้านบาท
ข้อเสนอนี้ได้รับการขานรับอย่างกระตือรือร้น ไม่ว่าจะมาจากหอการค้าไทย ไม่ว่าจะมาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะมาจากสมาคมธนาคารไทย
เท่ากับเป็นสัญญาณเตือนให้เห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งซึ่งเปราะบางและน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องเข้าไปแบกรับ
คำถามอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสร้างความเชื่อมั่น
ได้มากน้อยเพียงใด
ในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
อย่าลืมเป็นอันขาดว่าการเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา เป็นการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอยู่ด้วย
แม้ว่าจะเคยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และ นายสมคิด จาตุศรี พิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ
กระนั้น อำนาจในการตัดสินใจเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ เคยเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่มีใครสงสัยในความสา มารถของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เคยร่วมงานกับ โทนี่ วู้ดซั่ม
แต่คำถามก็คือ คนมีความสามารถระดับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คนมีความสามารถระดับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
เหตุใดจึงต้อง ‘อำลา’ จากไปด้วยความขมขื่นและรันทด
ณ วันนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีมือเศรษฐกิจอย่างเช่น นายสุพัฒน์พงษ์ พันธุ์มีเชาวน์ และ นายอาคม เติมวิทยไพสิฐ อยู่เรียงเคียงกับเงาร่าง
ถามว่า 2 มือเศรษฐกิจนี้สร้างความมั่นใจให้มากน้อยเพียงใด
ทุกสายตาก็ย้อนกลับไปมอง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ย้อนกลับ ไปมอง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
และก็ไม่มั่นใจเงินกู้อีก 1 ล้านล้านบาทจะดำเนินไปอย่างไร
