ปิดบัญชีข้าวยังไม่เคลียร์ “เรืองไกร”จ่อบุกทำเนียบ ชี้ บิ๊กตู่ใช้ม.44ให้ยึดทรัพย์มิชอบ

พรุ่งนี้ “เรืองไกร” จ่อบุกทำเนียบ ร้อง “บิ๊กตู่” ปมใช้ม.44 ให้อำนาจการจะยึดทรัพย์คดีจำนำข้าวส่อไม่ชอบ เหตุการปิดบัญชีข้าวยังไม่เคลียร์

เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เห็นหลายฝ่ายออกมาเชียร์และท้วงติงเรื่องการจะยึดทรัพย์ในโครงการรับจำนำข้าว ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 แล้ว ก็รู้สึกว่า ฝ่ายเชียร์และท้วงติงนั้นยังเกายังไม่ถูกที่คัน เพราะมีหลายประเด็นที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้อง และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่รู้ที่มาที่ไป อาจคิดว่าคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 สามารถคุ้มครองได้ ซึ่งตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหาเป็นเช่นนั้นไม่ จึงมีความหวังดีและเป็นห่วงว่า เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติจะมีปัญหาหลังเกษียณจากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามมาได้ เรื่องนี้ต้องแจ้งไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้ฐานะหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อให้ทราบว่า การคิดค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ต้องมีที่มาจากตัวเลขทางบัญชีที่ถูกต้องเป็นสำคัญ แต่จากพยานหลักฐานที่พบกลับแสดงให้เห็นว่า ตัวเลขทางบัญชีที่นำมาอ้างเรื่องผลขาดทุนและความเสียหายนั้น ยังสับสน ไม่ถูกต้อง ทั้งในเรื่องยังไม่มีการจัดทำบัญชี การปิดบัญชี การตรวจสต็อกข้าวยังไม่แล้วเสร็จ และที่สำคัญ ยังไม่ผ่านการสอบทานหรือตรวจสอบ ซึ่งหมายถึง สตง. แต่อย่างใด ทั้งนี้ พบว่า มีการพยายามเอาผิดเฉพาะสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การเรียกร้องค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว มุ่งประสงค์จะเอาผิดต่อนายกฯ ปู กับพวก เท่านั้น แต่กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ซึ่งได้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าราคาตลาดมาก่อน และมีสต็อกข้าวสารของรัฐบาล ณ มิถุนายน 2552 สูงถึง 7.67 ล้านตัน ก็ไม่มีการตั้งเรื่องสอบเกี่ยวกับผลขาดทุนและความเสียหายเพื่อให้ผู้กระทำความผิดมารับโทษชดใช้ทางละเมิดแต่อย่างใด อันจะทำให้เป็นช่องทางการต่อสู้ทางคดีตามมาว่า มีการกระทำที่ไม่สุจริต เพราะเลือกปฏิบัติ ตั้งธงเอาผิดเฉพาะบางคนบางกลุ่มโดยไม่คำนึงถึงความยุติธรรม ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดนฟ้องตามมาภายหลังได้

นายเรืองไกร กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า คำสั่ง คสช. ที่ 176/2557 และ 177/2557 และ คำสั่ง นบข. ที่ 2/2557 และ 1/2558 ซึ่งเป็นคำสั่งให้มีการจัดทำบัญชี การตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในสต็อกรัฐบาล การปิดบัญชี การติดตามผลการดำเนินคดี ยังไม่มีการดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนแต่อย่างใด ปัญหาที่พบคือ ไม่มีหน่วยงานรัฐใดที่ทำจัดทำบัญชีไว้อย่างถูกต้อง และการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในสต็อกรัฐบาลก็ยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ เพราะใช้คณะทำงานเพียง 100 ชุด ไปสุ่มตรวจเท่านั้นไม่มีการตรวจนับจริงทั้งหมดซึ่งมีข้าวสารกว่า 17 ล้านตันแต่อย่างใด การตรวจสถานที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีโดย สตช. ก็ยังไม่แล้วเสร็จ และรายงานการปิดบัญชี ก็ยังไม่ถูกต้อง เห็นได้จากข้อมูลที่ยืนยันไว้เองในรายงานการปิดบัญชี ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 ที่ระบุว่า “ยังไม่ได้ตรวจสอบและสอบทาน” แต่อย่างใด จากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่พบ จึงมีความจำเป็นต้องแจ้งเรื่องนี้ให้นายกฯ ประยุทธ์ อย่างเป็นทางการ เพื่อให้รับทราบและพิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนทั้วในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ก่อนที่จะรีบเร่งปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 ไปทำการใดๆ เพื่อออกคำสั่งทางปกครองไปยึดหรืออายัดทรัพย์โดยอาศัยเพียงข้อมูลทางบัญชีที่ยังไม่ถูกต้อง เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติมีปัญหาตามมาภายหลังได้ ทั้งนี้ ตนจะไปยื่นหนังสือต่อนายกฯ ด้วยตนเอง ในวันจันทร์ที่ 19 กันยายนนี้ ที่ศูนย์รับเรื่องฯ ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 09.30 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image