กมธ.พัฒนาการเมือง ตั้งคณะทำงานสอบปมสลายม็อบดินแดง “ณัฐชา” แฉมี คฝ.ส่งข้อมูลว่าสลายชุมนุมคือสนามซ้อม ใช้กระสุน-แก๊สน้ำตาได้ไม่อั้น ลั่น “ใครอยากยิงยิงเลย”
เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 18 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงความคืบหน้าการประชุมกรณีการสลายการชุมนุมที่บริเวณแยกดินแดง ว่า ก่อนหน้านี้ กมธ.ได้มีการตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยมี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะเลขานุการ กมธ. เป็นประธานคณะทำงาน และได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับการชุมนุมที่มีความรุนแรงมากขึ้นตลอดระยะเวลา 5-6 วันที่ผ่านมา วันนี้ กมธ.จึงได้มีการประชุมเพื่อหาทางออกเรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าวมีข้อสังเกตว่าหลังจากประกาศยุติการชุมนุมทุกครั้งจะเกิดความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะฝั่งเจ้าหน้าที่ หรืออาจจะเป็นฝั่งบุคคลภายนอก หรือกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งยังไม่มีข้อพิสูจน์ได้ เราจะต้องนำความจริงมาเปิดเผยกับสาธารณชนในทุกๆ ด้าน
นายณัฐชากล่าวต่อว่า ดังนั้น กมธ.จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 1 ชุด ซึ่งเป็นคณะทำงานสืบหาข้อเท็จจริง กรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชมนุมทางการเมืองบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยได้ตั้ง 1.รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ เป็นประธานคณะทำงาน 2.พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นรองประธานคนที่ 1 3.ผศ.สาวตรี สุขศรี เป็นรองประธานคนที่ 2 4.นายตะวัน พงศ์แพทย์ คณะทำงาน 5.นายสิปปกร ถิรตันติ คณะทำงาน และ 6.น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ เลขานุการคณะทำงาน ซึ่งวันนี้ กมธ.ได้รับหนังสือจากนายอดิศร โพธิ์อ่าน ตัวแทนจากชาวแฟลตดินแดง มานำเสนอความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการสลายการชุมนุม โดยมีรายชื่อกว่า 300 รายชื่อ จากประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในแฟลตดินแดง พร้อมกับรูปและคลิปความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้พักอาศัย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับนั้นในแฟลตดินแดงมีทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและเด็กพักอาศัยอยู่
นายณัฐชากล่าวอีกว่า โดยก่อนหน้านี้นายอดิศรได้ลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานในแฟลตดินแดง พบว่าหลายคนประสบปัญหาอย่างมากจากสถานการณ์โควิดที่ต้องพักอาศัยอยู่ที่บ้าน แต่การที่ คฝ.ตัดสินใจสลายการชุมนุม กระทำการโดยไม่คำนึงถึงบุคคลโดยรอบ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น ทั้งๆ ที่การชุมนุมได้ประกาศยุติไปแล้ว นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและ คฝ.ส่งข้อมูลมาในทางลับ เรื่องการเข้าปราบปรามผู้ชุมนุม ซึ่งเราก็ได้สอบถามว่าเพราะเหตุใดจึงมีความรุนแรงเกิดขึ้น เป็นคำสั่งของผู้บัญชาการเหตุการณ์หรือผู้บังคับบัญชาหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าในกลุ่มที่เข้ามาสลายการชุมนุมนั้นเจ้าหน้าที่หลายคนมีระยะเวลาในการฝึกและระยะเวลาการใช้กระสุนในการฝึกซ้อมนั้นกระสุนมีจำกัด เบิก 100 นัดให้ยิงจริง 20 นัด
“จึงมีการพูดกันในกลุ่มของ คฝ.ว่า สนามการสลายการชุมนุมคือสนามซ้อมที่เป็นที่พึงพอใจของเจ้าหน้าที่ในบางกลุ่ม ซึ่ง คฝ.จำนวนมากพูดกันว่าพื้นที่ตรงนี้ใช้กระสุนได้ไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นกระสุนยางหรือแก๊สน้ำตา ใครอยากยิงยิงได้เลย ใครอยากมา มาได้เลย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งสวนทางกับข้อเรียกร้องของเยาวชน อยากฝากถึง คฝ.และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ให้คำนึงถึงข้อเรียกร้องของเยาวชนสักนิด เพราะข้อเรียกร้องเหล่านั้นมีผลกระทบต่อเราทุกคนในอนาคต” นายณัฐชากล่าว
