องค์การนิสิต 19 มหาวิทยาลัย ร้อง กมธ.พัฒนาการเมือง วอน สภาฯ คุ้มครองปชช.ในการชุมนุม

องค์การนิสิต 19 มหาวิทยาลัย ร้อง กมธ.พัฒนาการเมือง วอน สภาฯ คุ้มครองปชช.ในการชุมนุม จี้สอบการปฏิบัติหน้าที่ของจนท. จ่อเรียก ผบ.ตร.-ผู้บังคับการคฝ. เข้าแจง

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 19 สิงหาคม ที่รัฐสภา ตัวแทนองค์การและสโมสรนิสิตนักศึกษา 19 มหาวิทยาลัย ยื่นหนังสือกับนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรปกป้องสิทธิและคุ้มครองประชาชนจากการกระทำความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ และขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่อันเข้าข่ายเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐในการสลายการชุมนุม

โดย นายวรินทร์กุญช์ เขียวพันธ์ โฆษกองค์การฯ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รัฐบาลอาจจะมีการใช้อำนาจคุกคามประชาชนที่ออกมาเรียกร้องและมีความเห็นต่างทางการเมือง โดยการใช้อำนาจในการเข้าควบคุมและจับกุมหรือคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐอาจมีการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อผู้ชุมนุม องค์การฯ จึงมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ดังนี้ 1.ให้มีการแสดงออกอย่างจริงจังและชัดแจ้งในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้อง คุ้มครอง และให้ความปลอดภัย ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของนิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุมอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรม รวมถึงต้องไม่นิ่งเฉยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 2.ให้มีการใช้อำนาจนิติบัญญัติในการตรวจสอบการใช้อำนาจและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ในการปฏิบัติต่อประชาชนผู้แสดงออกทางการเมืองและผู้เห็นต่างทางการเมืองว่าเข้าข่ายใช้กำลังและความรุนแรงเกินกว่าเหตุ รวมถึงเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่ 3.ให้มีการสืบสวนและสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าข่ายกระทำความรุนแรงเกินกว่าเหตุ หากไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน และหลักสากล ต้องดำเนินการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามหลักการสากล 4.ให้มีการรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งต่อร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สินที่เกิดขึ้นกับนิสิต นักศึกษาและประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุม หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นผลมาจากการกระทำที่มิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และ 5.ให้มีการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องของการปฏิบัติต่อนิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุม โดยให้ตั้งอยู่บนหลักพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ หลักสิทธิมนุษยชน และหลักกฎหมาย ซึ่งอยากให้สภาผู้แทนราษฎรขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

Advertisement

ด้าน นายณัฐชา กล่าวว่า เรื่องที่นิสิตนักศึกษาออกมาเรียกร้องและขับเคลื่อนในการชุมนุมต่างๆ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีการตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. เป็นประธานติดตามสถานการณ์หน้างานจริงทุกครั้ง เพื่อรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเข้ามาสู่การพิจารณาในชั้นกมธ. ซึ่งในการประชุม กมธ.เมื่อวานนี้ (18 สิงหาคม) ได้มีการตั้งคณะทำงานเพิ่มอีกหนึ่งคณะเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงกรณีความรุนแรงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ทั้งนี้กมธ.จะรับเรื่องนี้ไว้และจะบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมในสัปดาห์หน้า ซึ่งได้มีการเชิญ ผบ.ตร.ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของเจ้าหน้าที่ที่ใช้ความรุนแรงในวันนั้นและ พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผู้บังคับการหน่วยคฝ. เข้ามาชี้แจง

เมื่อถามว่าวันนี้กมธ.ตำรวจ ได้เชิญผบช.น.มา ซึ่งยืนยันว่า พอใจกับารทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและมองว่าเป็นไปตามหลักสากล ทางองค์การมองว่าอย่างไรบ้าง นายวรินทร์กุญช์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่เป็นหลักสากล เพราะการที่ซุ่มยิงอยู่บนที่สูงนั้นหลักสากลไม่ได้ระบุไว้

ถามต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ได้มาร้องเรียนกับ กมธ.ตำรวจ จะมีการรวบรวมหลักฐานแล้วมาร้องเรียนด้วยหรือไม่ นายวรินทร์กุญช์ กล่าวว่า ตอนนี้ทั้ง 19 มหาวิทยาลัยมีการตั้งภาคีขึ้นมาเพื่อติดตามเรื่องนี้ เพื่อศึกษาและช่วยเหลือนักศึกษาและกลุ่มภาคีฯ ซึ่งก็ได้รับเรื่องว่ามีบางคนถูกคุกคามหลังจากยุติการชุมนุม ซึ่งเราจะรวบรวมหลักฐานและไปยื่นฟ้องอีกครั้ง

Advertisement

เมื่อถามว่าขณะนี้มี กมธ.หลายคณะที่ติดตามเรื่องนี้ จะมีการพูดคุยกันเพื่อรวมเป็นคณะเฉพาะกิจเพื่อศึกษาและแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร นายณัฐชา กล่าวว่า ในการทำงานกมธ.ทั้ง 35 คณะนั้น คณะใดมีกรอบการทำงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ก็มีการขับเคลื่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น กมธ.ตำรวจพิจารณาเรื่องการใช้กำลัง ยุทธวิธีของตำรวจมาชี้แจงในมุมของตำรวจ ขณะที่ กมธ.กฎหมายฯ มีการทำงานขับเคลื่อนในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยมีการรับเรื่องความรุนแรงจากบริเวณแฟลตดินแดง และเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์รับผิดชอบเรื่องนี้ ส่วนกมธ.พัฒนาการเมืองฯ เล็งเห็นว่ากรอบการพิจารณา ควบคุมไปถึงการติดตามสถานการณ์ ซึ่งสามารถที่จะพัฒนาการเมืองได้ในอนาคต หากการเรียกร้องของเยาวชนและระบอบประชาธิปไตยมีความเข้มแข็ง ซึ่งวันนี้มีข่าวแต่เรื่องความรุนแรงแต่ไม่มีการสื่อสารว่าในการชุมนุมแต่ละครั้งเรียกร้องเรื่องอะไร วิธีการแก้ไขปัญหาที่พวกเขาเรียกร้องสามารถทำได้หรือไม่ โดยอาจต้องประเมินไปถึงขั้นที่เรียกว่าหากทำได้ เหตุใดวันนี้หน่วยงานรัฐถึงไม่ทำ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่มีการสื่อสารออกไป ฉะนั้น เราจึงพยายามขับเคลื่อนร่วมกันทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่

เมื่อถามว่าในฐานะกมธ.ด้วยกัน มองท่าทีของกมธ.ต่างคณะว่าเป็นมวยล้มตมคนดู ซักฟอกให้ตำรวจหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ไม่อาจจะไปวิพากษ์วิจารณ์ได้ถึงขนาดนั้น แต่ว่ามุมมองในการตัดสินและการออกมาประเมินเรื่องของตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่ารับเรื่องร้องเรียนมาจากที่ไหนหรือเป็นการร้อนตัวเองหรือไม่ ไม่รู้ว่าจะไปหันหลังพิงที่ไหนดี ก็ใช้กมธ.ตำรวจในการบอกว่ากระบวนการหรือหลักการถูกต้องทั้งหมด ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการพิจารณาครบทุกฝ่าย ฉะนั้นหากไม่มีการพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย ตนคิดว่ามันยังไม่ได้ยุติและสวยงามอย่างที่นำเสนอออกมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image