‘เศรษฐา’ ให้กำลังใจ นายกฯ แนะ 3 เรื่องใหญ่ต้องทำ ‘แก้รธน.-สู้โควิด-กู้เศรษฐกิจ’

‘เศรษฐา’ ให้กำลังใจ นายกฯ แนะ 3 เรื่องใหญ่ต้องทำ ‘แก้รธน.-สู้โควิด-กู้เศรษฐกิจ’

“เศรษฐา” ร่วมคลับเฮาส์เฮลท์แคร์

วันที่ 21 สิงหาคม ข้อเสนอแนะจากนายเศรษฐา ทวีสิน ซีอีโอ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ถึงนายกฯ ในการสู้กับสงครามโควิด พร้อมให้กำลังใจในการแก้ปัญหา
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 20 สิงหาคม นายเศรษฐา ทวีสิน ซีอีโอ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมรายการ ข่าวสด-Clubhouse สู่วันใหม่ปลายอุโมงค์ กับ “เศรษฐา ทวีสิน” หนึ่งในไฮไลต์ของมหกรรมสุขภาพออนไลน์ครั้งสำคัญแห่งปี “เฮลท์แคร์ 2021 วัคซีนประเทศไทย” #เราจะฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน จัดโดยมติชน ข่าวสด และประชาชาติธุรกิจ ในเครือมติชน ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ

นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องยอมรับว่าโรคระบาดทำให้รู้สึกเหนื่อยและท้อกับสถานการณ์ปัจจุบันพอสมควร แต่บริษัทยังไปด้วยดี เพราะเป็นบริษัทแรกๆ ที่บริหารจัดการและเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่คิดว่าเลวร้าย ซึ่ง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา หนักกันทุกกลุ่ม ต่อให้คนที่มองโลกในแง่ร้ายที่สุดก็ไม่คิดว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งสภาพการจ้างงานก็อยู่ในแง่ลบพอสมควร ไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์การเมืองที่เลวร้ายลงทุกวัน

ชี้สงครามโควิด-“แสนสิริ” ช่วยสังคม

นายเศรษฐากล่าวถึงการช่วยเหลือสังคมของแสนสิริในช่วงการระบาดของโควิดว่า สถานการณ์ช่วงนี้เป็นสงคราม จึงเป็นหน้าที่ของคนที่แข็งแรงกว่าต้องช่วยเหลือสังคม แสนสิริพิสูจน์แล้วว่าเป็นบริษัทที่แข็งแรง ดังนั้นช่วยเหลือสังคมได้ก็ต้องช่วย ทั้งเรื่องการบริจาคอาหาร ยา วัคซีน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา แสนสิริจัดหาวัคซีนให้พนักงานและครอบครัวฉีด และสั่งจองวัคซีนทางเลือกอย่างโมเดอร์น่าอีกราว 6,000 โดส เพื่อใช้เป็นบูสเตอร์ ช็อต เข็ม 3 รวมทั้งช่วยซื้อแตงโมเพื่อพยุงราคาไม่ให้ตกต่ำ บริจาคอาหารให้ช้าง และนำที่ดินที่จังหวัดเชียงใหม่ทำเป็นพื้นที่ปลูกหญ้าให้ช้างได้กิน เพราะช้างคือส่วนหนึ่งของภาคธุรกิจท่องเที่ยว

“เราอุ้มคนตัวเล็กตัวน้อย 100% เพราะยังไงคนตัวใหญ่ก็อยู่ได้ และต้องช่วยคนอื่นด้วย จะบอกว่าเราเสียภาษีไปแล้ว เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องทำ แต่รัฐบาลมีความสามารถพอและดูแลทั่วถึงได้หรือเปล่า อย่าไปคอยเขาดีกว่า อย่าเกี่ยงงอนกัน จะเรียกว่าคอลล์ เอาต์ หรือตะโกนก็ได้ แต่เราออกมาช่วยคนตัวเล็กและคนที่อ่อนแอกันดีกว่า เพราะผมเชื่อว่าวิกฤตนี้ยังมีอีกอย่างน้อย 3-4 เดือน” นายเศรษฐากล่าว

ADVERTISMENT

แนะนายกฯ เด็ดขาดกู้-ไม่กู้

ซีอีโอแสนสิริกล่าวว่า ยังเห็นด้วยกับรัฐบาลที่บอกว่าวัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เร็วที่สุด และเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลว่าจะจัดหาบูสเตอร์ ช็อต เมื่อไหร่ แต่ถ้าวันนี้นายกฯพะวงเรื่องวัคซีนอย่างเดียวก็คงไม่เหมาะสม ต้องดูเรื่องเศรษฐกิจด้วย

ADVERTISMENT

“วันนี้เรื่องเศรษฐกิจป็นเรื่องสำคัญพอกับวัคซีน ผู้นำต้องเด็ดเดี่ยว นายกฯ ต้องเด็ดขาดว่าจะกู้หรือไม่กู้ จะปล่อยให้ลูกหาบมาเล่นละครรายวันไม่ได้หรอก ถ้าอาสามาทำแล้วต้องทำให้ได้ ไม่ใช่อธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดมากกว่านี้ พูดแบบนี้เหมือนตำหนิรัฐบาลอยู่ แต่เราทุกคนรักประเทศและอยากให้ประเทศเดินหน้าต่อได้ เมื่อโควิดพ้นไปก็จะอยู่ได้อย่างสันติสุข ที่ออกมาพูดตรงไปตรงมา ไม่ใช่ไม่ให้กำลังใจท่านนายกฯ แต่ดูแล้วการบริหารจัดการยังดีขึ้นได้อีกเยอะ ประเทศไทยยังมีศักยภาพพัฒนาไปได้สูง เพราะฉะนั้นอย่าหมดความหวัง” นายเศรษฐาเผย

3 เรื่องต้องทำ “แก้รธน.-สู้โควิด-กู้ศก.”

ซีอีโอแสนสิริ ตอบคำถามว่าจะทำอะไรหากมีอำนาจนำทางการเมือง ว่า จะทำ 3 เรื่องที่เป็นความสำคัญอันดับต้นๆ คือ 1. แก้รัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมไทยพิกลพิการ 2. เรื่องโควิดเป็นเรื่องของวัคซีน ในฐานะนายกฯ ต้องยกหูหาผู้นำที่มีวัคซีน คือ จีน สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย เพราะอย่างไรไทยก็เป็นที่ต้องการในแง่ธุรกิจ และเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องใหญ่ เป็นภารกิจที่นายกฯ ต้องทำ ไม่ใช่บอกว่าสั่งให้นาย ก. นาย ข. ไปทำ แต่เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องทำ และต้องทำให้ได้

“ข้อสุดท้ายคือมาตรการการกู้เศรษฐกิจ เพราะเราไม่เคยเจอวิกฤตที่ยากขนาดนี้ สาหัสขนาดนี้ ตกงานเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่มีการวางแผนล่วงหน้า พอไปถึงวันที่เราหลุดจากโควิดได้ ไทยจะล้าหลังประเทศอื่น ทำให้เราไม่สามารถอยู่ในการค้าโลกได้ ผมนายเศรษฐา ทวีสิน พร้อมเป็นกำลังใจให้ท่านบรรลุภารกิจนี้ นี่คือ 3 เรื่องใหญ่” นายเศรษฐาย้ำ

ซีอีโอแสนสิริ ยังกล่าวถึงประเด็นความเหลื่อมล้ำในสังคมว่า หนึ่งในต้นตอความเหลื่อมล้ำ เริ่มต้นจากรัฐธรรมนูญ ที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน มีสิทธิมโหฬารมหาศาล ยืนยันว่า ส.ว. ไม่ใช่คนไม่ดี แต่ที่มาที่ไปมันผิด ท่านไม่ควรมีสิทธิมาเลือกนายกฯ นี่คือหนึ่งในต้นตอความเหลื่อมล้ำ แล้วก็ส่งผลไปทุกแง่ทุกมุม เกิดวีวีไอพีแย่งวัคซีน นี่คือความเหลื่อมล้ำที่สังคมไทยไม่ควรยอมรับ ต้องแก้

เชื่อหลังวิกฤตศก.ไทยฟื้น “เค-เชฟ”

“หลังวิกฤตนี้ผ่านไป เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบ เค-เชพ คือจะยิ่งถ่างออกไปเรื่อยๆ รัฐบาลมีรายจ่ายเยอะ แล้วจะเอาสตางค์มาจากไหน ก็ต้องจากเคขาบน ซึ่งก็คือคนรวย ผมยืนยันว่าคนที่แข็งแรง มีสตางค์เยอะ ต้องเสียภาษีเยอะ ภาษีมรดกไม่ต้องเก็บจากคนไม่มีรายได้ นี่เป็นเรื่องที่ผมอยากคอลล์ เอาต์ ให้ทุกคนรับฟังด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง เพราะหลังวิกฤตนี้ ไทยต้องการงบประมาณมากขึ้น ต้องมีการเก็บภาษี อย่าให้คนที่อ่อนแอหรือรายได้น้อยต้องทรมานจากการเก็บภาษี” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐายังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันด้วยว่า อย่างหนึ่งที่คนรุ่นตนควรสำนึกคือ โลกมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงก็จะมีหลายธุรกิจที่ต้องล้มหายตายจากเพราะปรับตัวไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ซึ่งรวมถึงเรื่องรัฐธรรมนูญด้วย โดยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ควรค่อยเป็นค่อยไป ผู้ใหญ่และคนรุ่นใหม่ต้องหันหน้าเข้าหากัน ผู้ใหญ่ต้องอย่ามองคนรุ่นใหม่เป็นศัตรู อย่ามองว่าถูกปั่นหูหรือถูกซื้อ ต้องรับฟังความคิดเห็น พูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างมีเหตุผล สุภาพ ภายใต้กรอบกฎหมาย โดยให้ผู้อื่นเดือดร้อนน้อยที่สุด พร้อมยืนยันว่าไม่ยอมรับการใช้กำลังไม่ว่าจะฝ่ายไหน และต้องไม่จัดฉากในการรับฟัง

ยัน ตัวเองยังไม่เหมาะ นั่งนายกฯ-ให้กำลังใจบิ๊กตู่

ช่วงท้ายของรายการข่าวสด-Clubhouse มีผู้ฟังถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเห็นนายเศรษฐาเป็นนายกฯ ซึ่งนายเศรษฐากล่าวว่า ตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ คนที่จะเป็นได้ต้องมีความพร้อมมาก ทั้งการตัดสินใจ การเข้าถึงคนทุกภาคส่วน และที่สำคัญคือต้องมาจากการเลือกตั้งอย่างเต็มตัว

“ตัวผมมีความพอใจในสิ่งที่ผมทำอยู่และพอใจชีวิตที่ตัวเองมีอยู่ตอนนี้พอควร ผมเข้าใจว่าผมเองมีขีดจำกัดหลายเรื่องและไม่มีความทะเยอทะยาน ผมยังไม่มีความเหมาะสม สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็หวังว่าจะช่วยประเทศชาติได้ และอยากเป็นกำลังใจให้นายกฯ ถ้ามีใครมาชวนหรือเสนอแนะอะไรก็ถือว่าขอบคุณแล้วกัน ตอนนี้มั่นใจว่าผมยังไม่สามารถทำหน้าที่นายกฯ ของไทยได้ ย้ำว่าไม่ใช่เวลานี้แน่นอน” นายเศรษฐาย้ำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image