‘เพื่อไทย’ ประกาศน็อกเอาต์ผู้นำขาดความรู้ พ้นเวทีการเมือง หลังมาตรการล็อกดาวน์เหลว ทำประเทศพัง

‘เพื่อไทย’ ประกาศน็อกเอาต์ ผู้นำที่ขาดความรู้ให้ออกจากเวทีการเมือง หลังมาตรการ ‘ล็อกดาวน์’ เหลว ทำประเทศพัง-ปชช.ลำบาก

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย มีการจัดเสวนา “จากล็อกดาวน์ สู่น็อกดาวน์ ประเทศไทย” โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค พท., นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท.และเหรัญญิกพรรค พท. และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคและ ผอ.ศูนย์นโยบายพรรค พท.

นายพิชัย กล่าวว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และจะอภิปรายในเร็วๆ นี้นั้น พรรค พท.จะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ในทุกด้าน พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศล็อกดาวน์มานานกว่า 1 เดือนแล้ว โดยไม่มีแผนงานในการแก้ไขปัญหาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเป็นระบบชัดเจน ทำให้การระบาดกลับเพิ่มมากขึ้น คนเจ็บคนตายยังเพิ่มสูง ไม่มีใครทราบเลยว่าจะต้องล็อกดาวน์กันอีกนานแค่ไหน เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้ว จะยิ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนเศรษฐกิจไทยปี้นี้มีโอกาสที่จะติดลบต่ออีกปีหนึ่ง จนเหมือนกับเศรษฐกิจได้น็อกดาวน์แล้ว

นายพิชัยกล่าวว่า ดังนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรค พท.จึงมีหน้าที่ที่จะต้องน็อกเอาต์ผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถให้สลบ และหามออกจากเวทีการเมืองไป โดยไม่ต้องกลับมาอีก เพราะการบริหารจัดการยังมั่วสุดๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ พล.อ.ประยุทธ์เสื่อมและหมดความน่าเชื่อถือจนไม่สามารถจะฟื้นกลับมาได้ และควรจะต้องเปลี่ยนผู้นำแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลน่าจะต้องเห็นตรงกันกับที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็น

Advertisement

“เวลานี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนด่า พล.อ.ประยุทธ์เต็มไปหมด จนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ในขณะที่ยังไม่สามารถเปลี่ยน พล.อ.ประยุทธ์ได้ทันที จึงอยากให้ดำเนินการ 5 เรื่องหลักที่ต้องมองข้ามไปถึงการฟื้นฟูหลังวิกฤตแล้ว 1.การต้องคิดถึงการฟื้นเศรษฐกิจล่วงหน้าว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่ใช่คิดแต่เยียวยาอย่างเดียว ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ ภาคธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจได้ภายหลังวิกฤตโควิด และทิศทางประเทศไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร

“2.แนวคิดคนละครึ่งโดยรัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยกันลงขันออกนโยบายเพื่อพยุงเศรษฐกิจโดยการลดหนี้ ลดดอกเบี้ย ยืดการชำระเงิน เพื่อให้ธุรกิจสามารถให้ฟื้นกลับมาทำธุรกิจได้ใหม่หลังผ่านพ้นวิกฤต ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถไปไล่บี้ธนาคารพาณิชย์ให้เข้ามาสนับสนุนด้วย เพราะหากธุรกิจเจ๊งหมด ธนาคารพาณิชย์จะได้รับผลกระทบมากสุด” นายพิชัยกล่าว

นายพิชัยกล่าวอีกว่า 3.การมองไปอนาคตเพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดได้ โดยการสั่งจองวัคซีนที่มีคุณภาพล่วงหน้า ทั้งโนวาแวก ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา รวมถึงยาป้องกัน ยาพ่น และยาที่ใช้รักษาที่ค้นคว้าใหม่ เพื่อทำให้คนไทยอยู่ร่วมกับไวรัสโควิดได้โดยไม่เสียชีวิต เพื่อนำไปสู่ชีวิตปกติในอนาคต 4.เลิกการใช้กำลังกับผู้ชุมนุมและตั้งโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกันอย่างสันติ และ 5.ดำเนินคดีกับผู้ใช้กำลังเกินขอบเขตกับผู้ชุมนุมและประชาชนที่โดนทำร้าย โดยทั้ง 5 เรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเร่งทำเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะกลางให้กับประเทศ เพื่อปูทางให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนที่จะ พล.อ.ประยุทธ์ที่หมดสภาพแล้ว

Advertisement

ด้าน นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าวัคซีนมา เราต้องฉีดให้เร็ว ให้ทัน เพื่อฟื้นประเทศได้ให้เร็ว ที่ผ่านมาตนพูดมาตลอดว่าประเทศเราวันนี้วัคซีนคือ คำตอบ แต่เรากลับสั่งวัคซีนน้อยและล่าช้า นอกจากวัคซีนที่น้อยแล้ว วัคซีนที่มียังไม่มีคุณภาพ ผู้บริหารเราไม่ได้มองไปในอนาคต ไม่ได้ติดตามวัคซีนให้ดี วันนี้เราคนไทย จึงไม่ไว้วางใจให้ท่านบริหารต่อ เพราะที่ผ่านมาท่านล้มเหลวในการบริหารจัดการ น่าผิดหวังมาก ประชาชนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรณีวัคซีน เพราะมี VIP ต่างๆ

นพ.กิตติศักดิ์กล่าวว่า วันนี้เรา 1.ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วและให้มาก 2.ต้องตรวจเชื้อให้ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อควบคุมโรคให้ได้ โดยชุดตรวจต้องมีคุณภาพและมาเร็วด้วย 3.การรักษาต้องทั่วถึง เพียงพอ รัฐบาลต้องแก้ไขเรื่องเตียง โดยต้องสนับสนุนทั้งสถานที่ อุปกรณ์ บุคลากร และงบประมาณ แต่ทั้งหมดนี้เราโชคร้ายที่เรามีวิกฤตในช่วงที่เรามีรัฐบาลที่ไม่มีความสามารถ ธุรกิจเสียหาย ชาวบ้านตกงาน ญาติพี่น้องเสียชีวิต ประเทศสูญเสียทั้งชีวิตประชาชน และโอกาสทางเศรษฐกิจ นี่คือการล็อกดาวน์ที่ไม่คุ้ม แต่จะให้คุ้มต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า รวดเร็วตาม 3 ข้อที่ตนกล่าวมา

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ขอฉายภาพ 6 ขั้นบันไดลงสู่เหวหายนะทางเศรษฐกิจ จากล็อกดาวน์สู่น็อกดาวน์ บันไดขั้นที่ 1 คือการล็อกาวน์ของเรามีปัญหา เพราะเกิดขึ้นช้า ปล่อยให้เดลต้าระบาดแล้วจึงล็อก ทั้งยังเป็นการล็อกดาวน์แบบเหมาเข่ง ทั้งที่ควรดูว่าภาคส่วนไหนมีผลต่อเศรษฐกิจสูง ติดเชื้อน้อยต้องไม่ล็อก แต่มุ่งไปที่การฉีดวัคซีน แต่ถ้าภาคส่วนไหนมีผลเศรษฐกิจน้อยแต่ติดมากจะล็อกเราไม่ว่ากัน การล็อกดาวน์แบบนี้ความเสียหายจึงมาก ดังนั้น ต้องจบให้เร็ว ตัดให้ได้

นายเผ่าภูมิกล่าว บันไดขั้นที่ 2 คือ เทิร์นดาวน์ ข้อเสนอต่างๆ เป็นปัญหา โดยรัฐบาลปฏิเสธรับฟังข้อเสนอจากภาคส่วนต่างๆ ที่ต้องการเข้ามาช่วย พรรค พท.เคยเสนอหลายๆ โครงการ เช่น การจ้างงาน โดยการรักษางานเก่าของพี่น้องแรงงานไว้ วิธีที่ดีที่สุดคือมาตรการคงการจ้างงานที่เราเคยเสนอมานานมาก หลังๆเพิ่งมาพยายทำ แต่ทำแบบไม่เข้าใจ บันไดขั้นที่ 3 คือ สโลว์ดาวน์ ซึ่งเกิดจากรัฐบาลที่สโลว์ไลฟ์ ช้า ไม่ถูกทิศ ไม่ถูกทางของผู้ออกแบบนโยบายรัฐบาล ทำให้มาตรการาต่างๆ ออกมาช้า ไม่ทันการ และไม่เพียงพอ ทำให้เศรษฐกิจสโลว์ดาวน์

นายเผ่าภูมิกล่าวอีกว่า บันไดขั้นที่ 4 คือ ชัตดาวน์ นั่นคือการชัตดาวน์ของภาคเอกชน หมายถึงต้องปลดคนงานทิ้ง ทำให้คนตกงาน บันไดขั้นที่ 5 คือ การเบรกดาวน์ของสถาบันการเงิน และบันไดขั้นที่ 6 คือ น็อกดาวน์ เมื่อทุกอย่างมีปัญหา สุดท้ายคือ การน็อกดาวน์ของเศรษฐกิจประเทศไทย คือถูกไล่ลงจากเวที หมดสภาพ สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการป้องกันให้ดี วันนี้ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์หนักกว่าที่ท่านเข้าใจ อยากให้รัฐบาลใช้มาตราการทางการเงิน และการคลังให้ตรงจุด รวดเร็ว และชาญฉลาด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image