‘ณัฐวุฒิ-บก.ลายจุด’ ประกาศ 1 เส้นทาง คาร์ม็อบ 29 สิงหา ชวน ‘เทหน้าตัก ปชช.’ (มีคลิป)

‘ณัฐวุฒิ-บก.ลายจุด’ ประกาศ 1 เส้นทาง คาร์ม็อบ 29 สิงหา ชวน ‘เทหน้าตัก ปชช.’ ส่งสารถึง รบ.-พรรคร่วม-ต่างชาติ ‘รีดยางอาย’ ไล่ประยุทธ์

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) อดีตแกนนำ นปช. และ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แถลงข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย ถึงกิจกรรมชุมนุมใหญ่ “Car Mob – Call Out” วันที่ 29 สิงหาคมนี้

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การนัดหมายครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนขบวนครั้งสำคัญ หลังจากนี้จะยกระดับการเคลื่อนไหว ร่วมแสดงพลัง ไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ขับไล่ลงจากตำแหน่ง ดังนั้น จึงขอเชิญชวน เราต้องการพลังที่ใหญ่ ต้องการให้คนทั้งโลกเห็นพร้อมกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีประชาชนมหาศาลเพียงใด พร้อมที่จะเคลื่อนไหว ฝ่าข้อจำกัดโรคระบาด เพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรี เป็นการแสดงพลังครั้งสุดท้าย ก่อนจะมีการชุมนุมใหญ่ไม่กี่วันหลังจากนั้น

ยังคงมีสีสัน เนื้อหาสาระ การประกวด ตกแต่งรถ ป้ายข้อความในขบวนเพิ่มเติมคือ ‘การประกวดภาพถ่าย และคลิปวิดีโอ’ ขอสงวนสิทธิเฉพาะช่างภาพอิสระเท่านั้น โพสต์ผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนั้น ยังมีการประกวดกองเชียร์ 2 เส้นทาง มีการออกแบบวิธีการแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ บันทึกภาพลงโซเชียลมีเดีย จะมีกรรมการนับคะแนน

Advertisement

“การเคลื่อนขบวนคราวนี้ เราจะหลอมรวมพลังทุกกลุ่ม ทุกสาย ทุกเส้นทางเข้าด้วยกัน เดิมนัดหมาย 3 เส้นทางหลัก วันนี้ขอประกาศเส้นทางเดียวที่จะเคลื่อนไปด้วยกัน เรานัดพบทุกกลุ่มในเวลา 14.00 น. ตรงอุโมงค์ ทางลงแยกเกษตร หัวขบวนมุ่งหน้าวิภาวดี ท้ายขบวนยาวไปตาม ถนนเกษตรนวมินทร์ ยาวไปถึงไหน ก็ตามนั้น

Advertisement

15.00 น. เคลื่อนขบวน ลอดใต้อุโมงค์หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วข้ามสะพานตรง ถนนวิภาวดี มุ่งหน้าถนนงามวงศ์วาน, ข้ามสะพานแยกพงษ์เพชร, ตรงไป ข้ามสะพานแยกแคราย, ตรงไปขึ้นสะพานพระนั่งเกล้า ณ จุดนี้ จะขึ้นตรงสะพานใหญ่ ที่สร้างใหม่ภายหลัง ดังนั้นแนวเส้นทางก็จะขนานไปกับเส้นรถไฟฟ้า, เมื่อลงจากสะพานพระนั่งเกล้าผ่านแยกท่าอิฐ วนสะพานยกระดับ โค้งขวาไปตามถนนราชพฤกษ์, ตรงไปตามถนนราชพฤกษ์ เกาะช่องจราจรซ้ายสุด ขึ้นยกระดับ วนขวาอีกครั้ง ลงถนนชัยพฤกษ์, จากถนนชัยพฤกษ์ ตรงไปข้ามสะพานแม่น้ำเจ้าพระยา (สะพานพระราม 4),

จากนั้น มุ่งหน้า ห้าแยกปากเกร็ด (ไม่ไปทาง ถนนแจ้งวัฒนะ) เพื่อที่จะเข้าถนนติวานนท์, ตรงยาวไปทางสวนสมเด็จฯ ปากน้ำตรงไปเรื่อยๆ จะเชื่อมต่อพื้นที่ จ.นนทบุรี เข้าสู่ จ.ปทุมธานี

หลังจากนั้น มุ่งหน้าไปตามเส้นทางจังหวัดปทุมธานีไปเรื่อยๆ, ข้ามสะพานปทุมธานี ไปสุดทางที่ลานสวนเทพปทุมเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงหน้าศาลากลางจังหวัดปทุมธานี หลังเก่า

เส้นทางจะเป็นตามนี้ เส้นทางเดียวด้วยกันทั้งวขบวน ส่วนรายละเอียดเส้นทางและเวลาโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กต่อไป” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า คาร์ม็อบ-คอบเอาต์ ครั้งนี้ จึงแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา เราเดินทัพทางไกลร่วม 50 กิโลเมตร เชื่อมต่อกรุงเทพฯ และปริมณฑล กินพื้นที่ 3 จังหวัด ถึงจุดหมาย ลานเทพปทุมฯ แล้วจะมีการปราศรัยปิดขบวนตรงนั้น เพื่อประกาศเจตนารมณ์ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ และกำหนดนัดหมายการชุมนุมใหญ่ในครั้งถัดไป ซึ่งอาจจะไม่ได้เห็นรูปแบบคาร์ม็อบเคลื่อนขบวนอย่างที่ผ่านมา ดังนั้น ใครที่ยังไม่เคยออกมาเคลื่อนขบวนรถยนต์ สู้เพื่อประชาธิปไตยขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้มาร่วมกันวันที่ 29 สิงหาคมนี้ เพราะหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป

“เรายืนยันสันติวิธี มีเจตนาที่เปิดเผย ที่จะเลี่ยงพื้นที่เปราะบาง พื้นที่เผชิญหน้า และสถานการณ์ที่นำไปสู่การปะทะ หรือความรุนแรงทุกรูปแบบ

ไม่มีลุย ไม่มีบวก ไม่มีปะทะ มีแต่ความมุ่งมั่นไม่ลดละที่จะไล่ พล.อ.ประยุทธ์ให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรายินดีที่จะเปิดรับคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีเจตนารมณ์ร่วมกัน เข้าใจในภารกิจร่วมกัน พร้อมทั้งยอมรับในรูปแบบและวัตถุประสงค์ของการเคลื่อนไหวด้วยกัน เราต้องการสร้าง ขยาย และรักษาพื้นที่ให้กับประชาชนที่ต้องการออกมาแสดงพลังขับไล่พลเอกประยุทธ์ โดยไม่มีการเผชิญหน้า

เช่นเคย เราจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ทราบแนวทางการเคลื่อนไหว เข้าใจเส้นทางและวัตถุประสงค์ ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน อำนวยความสะดวกให้กันและกัน เราสามารถเคลื่อนไหวตามเสรีภาพ ที่กฎหมายคุ้มครองได้ เจ้าหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนซึ่งเป็นหน้าที่หลักท่านก็ทำได้ ภารกิจก็จะลุล่วงไปด้วยกัน”

นายณัฐวุฒิกล่าวถึงประชาชนในส่วนภูมิภาค ว่า ขอเชิญชวนให้ออกมาแสดงพลังขับเคลื่อนเช่นเคย กำหนดรูปแบบเส้นทาง โดยยืนยันหลัก ‘สันติวิธี’ ถือเป็นใช้ได้ ครั้งนี้อยากฝากให้ออกแบบเพิ่มเติม ด้วยการ ‘เชื่อมโยง อำเภอกับอำเภอ’ พยายามจะขยายระยะทางให้ไกลขึ้น ให้เกิดการมีส่วนร่วม และส่งต่อพลังการต่อสู้เชื่อมถึงกันในระดับทั่วประเทศ ซึ่งต่างจังหวัดหลายพื้นที่ก็ตอบรับมาแล้ว จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบเป็นระยะ ติดตามความเคลื่อนไหวผ่านทางสังคมออนไลน์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา นี่คือรูปแบบ เป้าหมาย เส้นทาง และวัตถุประสงค์ที่อยากทำความเข้าใจ

ณัฐวุฒิกล่าวเสริมว่า ส่วนของเวทีออนไลน์ จะมีผู้มาปราศรัย ทั้งศิลปิน ดารา มาร่วมสร้างสีสันความบันเทิง ตลอดเส้นทางแบบคราวที่แล้ว แต่ตัวศิลปินจะแตกต่างออกไป จะแจ้งให้ทราบเมื่อใกล้ถึงวัน

“ขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่า เราทุกคนล้วนเกิดมาในฐานะมนุษย์ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้เรากลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่เขาจะหลอก จะโกง จะลวง อย่างไรก็ได้ ปล่อยให้ตายที่ไหนอย่างไรก็ได้ เขาจะทิ้งให้รอเตียง รอยา รอการรักษาแบบไหนก็ได้ เขาจะปล่อยให้ตกงานพินาศ อดอยาก อนาคตสูญสลายอย่างไรก็ได้ เขาจะตะคอก กราดเกรี้ยว จะกดขี่ข่มเหงอย่างไรก็ได้ ในฐานะมนุษย์ เรายินยอมให้ใครกระทำกับเราแบบนี้ไม่ได้ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว จะยอมให้เกิดขึ้นต่อไปอีกไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์เคยเอารถถังมายึดอำนาจจากประชาชน 8 ปีมาแล้ว 29 สิงหาคมนี้ เชิญประชาชนเอารถยนต์ เอามอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ยึดอำนาจคืนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พอกันที ก่อนที่จะอยู่กันไป 10 ปี 15 ปี หรือมากมายไปกว่านี้ พอกันที หยุดกันตรงนี้” นายณัฐวุฒิกล่าว

ด้าน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก. ลายจุด กล่าวว่า คิดว่ารูปแบบคาร์ม็อบ เดินทางมาถึงช่วงเวลาสำคัญ ที่เราออกแบบไว้ ใช้สำหรับการเดินทางไปพบปะพี่น้อง เพื่อสื่อสารว่า ‘เราจะสร้างฉันทามติ เปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศไปด้วยกัน’

กิจกรรมคาร์ม็อบทั้ง 4 ครั้งที่ตนได้ไปร่วม นับครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 เราเชื่อว่าโดยรูปแบบและสิ่งที่เราทำกันมา เกิด เอฟเฟ็กต์ก้อนหิมะ (snowball effect) ซึ่งเป็นการยกกำลังในทุกครั้ง ครั้งที่แล้วถือว่าจำนวนเยอะมาก และเรามั่นใจว่าในครั้งที่ 5 ที่จะถึงวันที่ 29 สิงหาคมนี้ จะมีประชาชนเข้าร่วมมากที่สุดเท่าที่เราเคยทำกิจกรรมกันมา

“ในเชิงปริมาณ เราจะใช้จำนวนคนที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นหน้าตัก เพื่อเสนอไปถึงตัว พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เช่นนั้น ฝ่ายการเมืองก็จะอธิบายว่า เป็นประชาชนกลุ่มหนึ่ง แต่เราใช้จำนวนคนเพื่อบอกว่า เป็นประชาชนไม่ใช่กลุ่มน้อย

อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่เชื่อมต่อระหว่างกิจกรรมในสภา ซึ่งจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วันที่ 31 สิงหาคม-2 กันยายน ดังนั้น ภาคต่อของโมเมนตัมที่เชื่อมกัน ตั้งแต่วันที่ 29 ไปจนถึงวันที่ 2 กันยายน ผมได้คุยกับคุณณัฐวุฒิ วาดหวังไว้ว่า เราจะมีกิจกรรมขนาดใหญ่หลังจากนั้น ซึ่งอาจจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ใช่คาร์ม็อบ จะเป็นการ ‘ลงคะแนนไม่ไว้วางใจ’ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล นอกสภา

หมายความว่า ในสภาก็ดำเนินการไปเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง นอกสภา จะมีเวทีชุมนุมใหญ่ เคลื่อนไหวล้อกัน ขอเชิญประชาชนมาร่วมไม่ไว้วางใจรัฐบาล หากเสียงของประชาชนไม่ไว้วางใจ แต่บรรดา ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลยังไว้วางใจอยู่ สิ่งนี้ จะกลายเป็นประเด็น เป็นเงื่อนไข ที่จะนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด” นายสมบัติกล่าว และว่า

“ผมอยากเรียนว่านี่เป็นห้วงเวลาสำคัญ เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้ร่วมไม้ร่วมมือ จริงๆ เรากำลังสู้กับ ‘ยางอายของพลเอกประยุทธ์’ เป็นผู้นำที่เราสงสัยว่า มียางอายหรือเปล่า ความผิดพลาดในการบริหารประเทศมาถึงขนาดนี้ แต่ยังไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบใดใด เราจะใช้วิธี ‘รีดยางอาย’ ปกติ คนมียางอายเป็นพื้นฐาน นิดหน่อยเขาก็ต้องรับผิดชอบ พล.อ.ประยุทธ์ไม่แสดงความรับผิดชอบ แสดงว่ายางอาย อาจจะะอยู่ลึกมาก หรืออาจจะมีน้อย จึงต้องรีดจนกว่าจะยอม”

นายสมบัติกล่าวอีกว่า ตนไม่ได้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความสามารถ หรืออะไร แต่เห็นแก่ประเทศชาติ หากยังคงบริหารต่อไปภายใต้การนำ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำความเสียหายมาสู่ประชาชน แล้วยากมากที่จะกอบกู้วิกฤต หรือซากปรักหักพังที่ พล.อ.ประยุทธ์สั่งสมไว้

“เป็นสมบัติให้กับประชาชนไปใช้หนี้กันในอนาคต บาดแผลคราวนี้เราไม่ควรปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำเละเทะกว่านี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์จะไม่สามารถสร้างยางอายของตัวเองขึ้นมาได้ ก็ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล ช่วยทำให้พลเอกประยุทธ์ลงจากอำนาจเสียที หากยังทำตัวเป็นนั่งร้านต่อไป สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินพรรคร่วมรัฐบาลเอง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ หรือในการเลือกตั้งโอกาสต่อไป

คิดว่า 10 วันหลังจากนี้ ความเข้มข้นทางการเมืองจะถึงจุดนั้น ขอให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกส่วน มาร่วมกัน ผมว่าดอกนี้ 2 อาทิตย์รู้เรื่อง มาลองกันสักตั้งหนึ่ง เป็นโอกาสที่ดีแล้ว” นายสมบัติกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image