‘พรรคเล็ก’ ลั่นยื่นศาล รธน.ตีความแน่ ซัด 2 ใบฮั้วแก้ รธน. วิปฯเคาะวันซักฟอก ‘บิ๊กตู่’ 31 ส.ค. โหวต 4 ก.ย. ถลกยาว 58 ชม.
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร (วิป 3 ฝ่าย) โดยมีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม มีตัวแทนจากทั้ง 3 ฝ่าย อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้แทนฝ่ายคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมหารือ
จากนั้น น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.พรรค พปชร.ในฐานะตัวแทนประธานวิปรัฐบาล แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเรื่องกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล ดังนี้ จะประชุมกันตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม-วันที่ 3 กันยายน และลงมติในวันที่ 4 กันยายน โดยวันที่ 31 สิงหาคม-2 กันยายนนั้น จะเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 09.00-00.30 น และวันที่ 3 กันยายน ประชุมตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ลงมติวันที่ 4 กันยายน เวลา 10.00 น. โดยในการอภิปรายครั้งนี้รวมเวลาทั้งหมด 58 ชั่วโมง 30 นาที แบ่งเป็นประธานสภาได้ 2 ชั่วโมง ฝ่ายค้านได้ 40 ชั่วโมง เพื่ออภิปรายอย่างเต็มที่ โดยฝ่ายรัฐบาลได้ 2 ชั่วโมง 30 นาที และ ครม.ได้เวลาชี้แจง 14 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบว่าตามที่ประชุมวิปรัฐบาลร่วมกับวิปฝ่ายค้านกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวม 4 วัน โดยจะเริ่มวันที่ 31 สิงหาคม-3 กันยายน และลงมติวันที่ 4 กันยายน ดังนั้น จึงเลื่อนวันประชุม ครม.จากวันที่ 31 สิงหาคม เป็นวันที่ 30 สิงหาคมนี้
ขณะที่ นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ที่เพิ่งพ้นไปมีแนวโน้มส่งสัญญาณการสมคบคิดแก้ไขเพื่อประโยชน์ของพรรคใหญ่ เพราะการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบนั้น พรรค พทท.เห็นว่าจะใช้บัตรเลือกตั้งกี่ใบก็ได้ แต่การไปเพิ่มจำนวน ส.ส.เขตและลดจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะทำให้พรรคที่มีทุนหนาได้ประโยชน์ แต่พรรคเล็กไม่มีโอกาส ถ้าเกิดการเลือกตั้งใหม่จะเกิดระบบเผด็จการรัฐสภา พรรคเล็กจะสูญพันธุ์ ควรใช้ระบบคู่ขนานหรือการจัดสรรปันส่วนมาใช้คำนวณ ส.ส. ถ้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบในระบบนี้ ผลการเลือกตั้งจะมีพรรคการเมือง 1 หรือ 2 พรรคได้เสียงข้างมาก ไม่มีการถ่วงดุลจากพรรคขนาดกลางและพรรคเล็ก อยากเตือนสติการพิจารณาการแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ขอให้คิดให้ดี
“พรรคเล็กมี 2 แนวทางคือ งดออกเสียงกับไม่เห็นด้วย ไม่ลงมติเห็นด้วยแน่นอน ส่วนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ กำลังหารือกันอยู่ แต่มั่นใจว่ามีเสียงพอยื่นแน่ เพราะพรรคเล็กทั้งพรรค พทท. พรรคประชาชาติ (ปช.) พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคพลังธรรมใหม่ รวมกันแล้วมีประมาณ 20 เสียง รวมกับพรรค ภท.ที่มีกว่า 50 เสียง รวมแล้วมีกว่า 70 เสียง เพียงพอจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ” นายโกวิทย์กล่าว
