‘โกวิทย์’ เผย ต้องฟังข้อมูลฝ่ายค้าน-รัฐมนตรีก่อนลงมติ ย้ำ ต้องเป็นสุภาพบุรุษในการร่วมรัฐบาล

‘โกวิทย์’ เผย ต้องฟังข้อมูลฝ่ายค้าน-รัฐมนตรีก่อนลงมติ ย้ำ ต้องเป็นสุภาพบุรุษในการร่วมรัฐบาล ยัน ไม่เอาเรื่องแก้ รธน.มาปนอภิปราย แฉ พรรคใหญ่ร่วมรัฐบาลไม่เคยมีใครมาเชิญ ‘พลังท้องถิ่นไท’ ถกแก้ รธน. ต่างคนต่างไป จึงไม่เป็นเอกภาพ เพราะไม่วางแผนร่วมกันแต่ต้น

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า เป็นการปล่อยข่าวในหมู่พรรคเล็ก แต่ตนก็ทราบข่าวจากการที่มีเพียงคนอื่นมาบอก ซึ่งยังไม่มีการกำหนดทิศทางว่าจะลงมติไปในทิศทางใดก่อน ทั้งนี้ ต้องรอดูการชี้แจงของรัฐมนตรีแต่ละบุคคลก่อน และต้องดูที่พรรคฝ่ายค้านยื่นไปว่ามีอะไรบ้าง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ถูกอภิปรายมาแล้ว 2-3 ครั้ง เพียงแค่เราไม่ทราบว่าการถูกอภิปรายครั้งนี้จะมีข้อมูลใหม่อะไรบ้าง ตนคิดว่าการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในพรรคของตนนั้นต้องมาชั่งน้ำหนักข้อมูลของฝ่ายค้านว่าตรงประเด็นหรือไม่ หรือเข้าเป้ามากน้อยแค่ไหนในการยื่นอภิปรายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ไม่ใช่เป็นกระแสข่าว กระแสความคิดที่จะเอาคนนั้นลง คนนี้ลง หรือเป็นกระแสทางการเมืองมากกว่าการพิจารณาข้อมูล อย่างไรก็ต้องพิจารณาข้อมูล ซึ่งตนมองว่าการที่มีกระแสออกมาเช่นนั้นเป็นการเล่นเกมทางการเมืองมากจนเกินไป ถ้าเราไม่เล่นเกมทางการเมือง เราต้องมาฟัง ตนคิดว่า ส.ส.ควรจะฟังข้อมูลและพิจารณาด้วยข้อเท็จจริงให้มาก ไม่ใช่จู่ๆ มาโหวตโดยไม่ฟังข้อมูล และต้องใช้ข้อมูลในการโหวตมากกว่าการฟังกระแสข่าว

นายโกวิทย์กล่าวว่า ในฐานะที่พรรคพลังท้องถิ่นไทเป็นพรรคที่เรายังยืดมั่นในการร่วมรัฐบาลอยู่ ตนคิดว่าเราต้องตัดสินใจดีๆ เพราะเป็นมารยาททางการเมืองอย่างหนึ่งว่าเราต้องฟังข้อมูล หากข้อมูลชัดเราก็ไปบอกรัฐบาลว่าข้อมูลของคุณตรงเป้านะ ข้อมูลของของคุณเข้าเป้า คนนั้นส่อในการส่อไม่โปร่งใสในเรื่องต่างๆ ซึ่งเราต้องไปบอกรัฐบาลอย่างเป็นสุภาพบุรุษ ตนคิดว่าหัวหน้าพรรคตนก็เป็นสุภาพบุรุษ ท่านก็บอกว่าต้องดูข้อเท็จจริงกันก่อน นายโกวิทย์ยังย้ำด้วยว่า ถ้าเราอยู่ร่วมรัฐบาลเราต้องเป็นสุภาพบุรุษว่าเราไม่ได้ชักเข้าชักออกหรือว่าเล่นเกมการเมืองต่อรองอะไรเช่นนี้ ตนว่าตรงนี้ไม่ใช่และคงเป็นจุดยืนเช่นนั้น

เมื่อถามว่าเราจะเน้นข้อมูลมากกว่าใช่หรือไม่ นายโกวิทย์กล่าวว่า มากกว่ากระแสข่าวและเล่นเกมการเมืองที่จะโค่นคนนั้น โค่นคนนี้ และต้องเขียนไว้ว่าเราเป็นสุภาพบุรุษในการร่วมรัฐบาล

Advertisement

เมื่อถามว่า ต้องรอการประชุมกับคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคมนี้ใช่หรือไม่ นายโกวิทย์กล่าวว่า ใช่ วันนี้เป็นวันเสาร์ ตนก็ยังไม่ทราบว่าทางวิปรัฐบาลจะมีการคุยกันอย่างไร ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (29 สิงหาคม) ตนอาจจะไปคุยกับหัวหน้าพรรคว่าจะอย่างไร แต่เบื้องต้นหัวหน้าพรรคตนก็ยังมองว่าเราเคยเป็นสุภาพบุรุษว่ากับ พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี อยากจะให้ประคับประคองประเทศเดินต่อไปได้ แต่ก็มีกระแสการเมืองว่าจะดิสเครดิตคนนั้น คนนี้ ตนว่ามันไม่น่าใช่ ซึ่งเราจะไม่เล่นด้วยกับกระแสข่าวเช่นนั้นแต่เราจะเล่นด้วยกับการรับฟังข้อมูลอย่างมีเหตุมีผล

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่งผ่านการพิจารณาในวาระ 2 ไปใช่หรือไม่ นายโกวิทย์กล่าวว่า มันคงไม่เกี่ยว เราแยกแยะได้ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตนมองว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ค่อยให้เกียรติ ซึ่งกันและกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมายความว่าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรกได้มีการมาพูดคุยกันเป็นอย่างดีว่าจะแก้ไขอย่างไร แต่มาครั้งที่ 2 ต่างพรรคต่างไป พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ไปทาง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็ไปทาง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ไปอีกทาง ซึ่งไปคนละทิศทางและไม่ได้มีการคุยร่วมกัน ตนยังตำหนิพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะพรรคใหญ่ว่าไม่ได้เชิญพรรคเล็กไปนั่งคุยว่าจะแก้ไขเล่นนี้ในฐานะร่วมรัฐบาล ในส่วนนี้ไม่มีและยืนยันว่าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยเชิญพรรคพลังท้องถิ่นไทไปคุยเรื่องนี้และในส่วนนี้เราจึงมองว่าเราสวนแต่เราสวนแค่บางเรื่อง งดออกเสียงเราก็บอกชัด เราชัดเจนว่าเขาไม่มาคุยเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่างคนต่างทำ ซึ่งการทำเช่นนี้ก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.แต่ละคน แต่ละพรรคที่จะโหวตใช่หรือไม่

ถามย้ำว่า เราจะไม่นำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเกี่ยวข้องกับการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายโกวิทย์กล่าวว่า “ถูกต้อง ถูกต้องครับ อภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นเรื่องของข้อมูล การร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของเอกสิทธิ์แต่ละพรรค ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยมาพบปะ พูดคุย มาวางแผนร่วมกันว่าจะแก้ไขอย่างไรบ้าง เอกภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่ค่อยมีในฝั่งของพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากไม่ได้มีเป้าหมายและไม่ได้มีการวางแผนร่วมกันตั้งแต่ต้น”

Advertisement

///

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image