คลายล็อกวันแรก “บิ๊กตู่” ขอความร่วมมือ ปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด

คลายล็อกวันแรก “บิ๊กตู่” ขอความร่วมมือปชช. ผู้ประกอบการ ต้องปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด ส่วนเคอร์ฟิวขอดูในระยะนี้ก่อน ปัดนายกฯสั่งทุกเรื่อง ยันต้องยึดข้อมูลสธ.ด้วย ยืนยันระบบสาธารณสุขไทยยังรับมือโควิดได้

เมื่อเวลา 09.20 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการคลายล็อกเปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่มเติมในวันเดียวกันนี้ ว่า วันนี้เป็นการดำเนินการตามมาตรการที่ออกมาวันที่ 1 ก.ย. ต้องมีส่วนสัมพันธ์ระหว่างรัฐและบรรดาภาคธุรกิจเอกชนที่เกี่ยวข้อง สมาคมต่างๆต้องช่วยกัน และผู้บริโภคคือประชาชนต้องช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการด้วย ถ้าเราไม่ร่วมมือทั้งกันจะเดินไปได้ยาก และจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีกเป็นที่น่าเสียใจกันทุกคน ก็เพียงแต่ขอความร่วมมือให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการ ตามกติกาอย่างเคร่งครัด ถ้ามันดีขึ้น ต่อไปก็จะทำอะไรได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ร่วมมือกันทำ เมื่อถามว่ามาตรการเคอร์ฟิวที่ยังคงอยู่มองว่ายังได้ผลอยู่ใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้ก็ต้องพิจารณาความเหมาะสมอยู่ ขอดูระยะนี้ไปก่อนว่าอาจจะมีให้มากขึ้นหรือเปล่า ตราบใดที่ยังมีการเคลื่อนไหวในกลางคืน ถ้าดึกๆไปไหนกัน ไปอ่านหนังสือหรืออะไร ก็ไปสถานที่ท่องเที่ยวกัน ก็ยังมีปัญหาอยู่ตรงนี้ สมาคมที่รับผิดชอบก็ต้องช่วยตนไปกำกับดูแลที่ท่านรับผิดชอบ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกลางคืน ผับ บาร์ ต่างๆต้องคุยกัน และตนได้ให้ช่องทางนี้ไปคุยกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อยู่แล้ว และศบค.ก็ไม่ใช่จะตัดสินใจหรือสั่งได้ ตนก็สั่งไม่ได้ ต้องข้อมูลที่เขาพิจารณามาแล้วว่าเขาต้องการให้รัฐบาลดูแลตรงนี้ตรงนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปที่กระทรวงสาธารณสุข ให้คณะแพทย์ดูแลว่ามีความเสี่ยงไหม นี่คือการทำงานในลักษณะนี้ อย่างที่เขาหาว่านายกฯสั่งทุกเรื่อง มันสั่งไม่ได้หรอก ถ้ามันไม่ได้ข้อมูลจากทางสาธารณสุข มันตัดสินใจไม่ได้ ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแล้วใครจะรับผิดชอบ ก็รับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด ที่เขาพูดขึ้นมาในสภาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.เหมือนเขาไม่เข้าใจเรื่องระบบการบริหาร นายกฯก็พูดหลายครั้งแล้ว

เมื่อถามว่า ให้คำมั่นได้หรือไม่ว่าระบบสาธารณสุขไทยรับมือกับสถานการณ์โควิดได้ นายกฯ กล่าวว่า ถามว่าระบบสาธารณสุขไทยรับได้หรือไม่ ตนยืนยันว่ารับได้ คำว่ารับได้คือก่อนหน้านี้เราลำดับ 6 มีคนมาเที่ยวประเทศไทย มารักษาพยาบาลประเทศไทยหลายกลุ่ม หลายประเทศเป็นจำนวนมาก เรื่องรักษาพยาบาลเป็นรายได้ให้ประเทศ โรคทุกโรครักษาได้หมด หรือดีขึ้น ราคาถูกกว่าที่อื่น แต่วันนี้ต้องเข้าใจสถานการณ์ เช่นคนเคยมีรักษาพยาบาลในสถานการณ์ปกติ สมมติ 100 คน 100% รักษาพยาบาลส่วนใหญ่หายหมดในระบบสาธารณสุข เราดูแลได้ในโรคปกติ แต่อีกโรคที่มาก็ทราบดีว่ามีความรุนแรง ความรวดเร็ว และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แน่นอนขีดความสามารถลดลง เพราะเราไม่ได้มีความพร้อมตรงนี้เพื่อรองรับคนเป็นแสนเป็นล้านตรงนี้ เราถึงใช้เวลาเป็นหลายเดือนด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มต้นก็พัฒนาไปเรื่อยๆ ระดับที่ 1,2,3 เพิ่มระบบขึ้นมา Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) ตามลำดับ ถ้าเราไม่มั่นใจคนของเรา ไม่มั่นใจระบบสาธารณสุขเรา แล้ววันนี้ทำไมไม่ดูตัวเลข คนรักษาหายเท่าไหร่ ถ้าเอาตัวเลขคนป่วยคนตายมาพูดข้างเดียวมันไม่เป็นธรรม ข้าราชการเขาเสียหาย หมอ แพทย์ พยาบาลเขาก็เสียใจ เขาทำกันแทบตาย วันนึงติด วันนี้ติด ถึงจะมีติดก็เถอะ แน่นอนมันต้องติดพันธุ์ใหม่ที่มันเร็ว ก็ต้องมาดูในเรื่องของการเคอร์ฟิว ไม่ให้มีการเคลื่อนไหวจนมากเกินไป ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วเราห้ามไม่ได้คน ก็อย่าทำอะไรที่สบายใจ อย่าลืมไปว่ามันเป็นปัญหา พอภาพรวมเกิดขึ้นมาก็ต้องมาแก้ปัญหา แก้ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่แบบนี้ จริงๆถ้าเราร่วมมือกันทั้งหมด ตนไม่โยนความผิดให้ใคร แต่ก็ขอความเป็นธรรมให้รัฐบาล ให้สาธารณสุขเขาหน่อยทุกเรื่อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image