‘จิราพร’ อัด ‘นายกฯ’ เป็นบิดาเผด็จการเทียบ ‘ทักษิณ’ ใช้พ.ร.บ.ควบคุมโรคแก้ สึนามิ-หวัดนก-ซาร์ส

‘จิราพร’ อัด ‘นายกฯ’ เป็นบิดาเผด็จการราชการรวมศูนย์ เทียบสมัย ‘ทักษิณ’ ใช้แค่พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อเพียงฉบับเดียว แก้สึนามิ-ไข้หวัดนก-โรคซาร์ส จนเป็นต้นแบบโลก จี้ขอหลักฐานจ่ายค่าวัคซีนพิสูจน์เงินทอน พร้อมขอไว้อาลัยให้ทุกชีวิต ชี้ชาติหน้ามีจริงอย่ามาเกิดยุคผู้นำโอหัง คลั่งอำนาจ

จากนั้นเข้าสู่การอภิปราย โดย น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การอภิปรายครั้งนี้นอกจากเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแล้วยังเป็นการทำหน้าที่ของเพื่อนมนุษย์เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับทุกชีวิตที่สูญเสียและทนทุกข์ทรมานจากการบริหาราชการแผ่นดินที่ล้มเหลวผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตนอยากให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากเป็นบิดาแห่งเผด็จการราชการรวมศูนย์ เคยชินกับการบริหารกองทัพและมาตรา 44 โดยวันนี้ตั้ง ศบค.รวบอำนาจเอากฎหมายทั้ง 40 ฉบับมาไว้กับตัวเอง โดยอ้างเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤตโควิด แต่อำนาจต้องมาพร้อมความสามารถและความรับผิดชอบ แต่ท่านได้พิสูจน์แล้วว่าตำแหน่งนายกฯมันเกินความสามารถ

น.ส.จิราพรอภิปรายต่อว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่ารัฐบาลนี้ต้องเจอกับวิกฤตซึ่งทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยเจอเป็นธรรมดาที่อาจบริหารแบบทุลักทุเล แต่อย่าลืมว่าช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจอวิกฤตไข้หวัดนก โรคซาร์ส และสึนามิ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน แต่ก็สามารถบริหารจัดการกลายเป็นประเทศต้นแบบโลก ประกาศไม่รับบริจาคและให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นด้วย และอดีตนายกฯใช้เพียง พ.ร.บ.โรคติดต่อก็สามารถหยุดวิกฤตได้แล้ว ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ รวบอำนาจทุกอย่างไว้กับตัวเองแต่กลับบริหารล้มเหลวและเชื่องช้า ไม่วางแผนรองรับสถานการณ์ จนพาประเทศมาสู่วิกฤตทำให้ระบบสาธารณสุขล้มเหลว เศรษฐกิจพังพินาศ เป็นนายกฯที่บริหารประเทศด้วยนโยบายกลืนน้ำลายตัวเอง

น.ส.จิราพรอภิปรายต่ออีกว่า วันก่อ นพล.อ.ประยุทธ์ บอกมีสมองน้อยนิด แต่ส่วนตัวมองว่าท่านฉลาดนิดนึงคือ เรื่องใดมีข้อมูลน้อยนิดก็จะให้ข้าราชการมาพูดแทน แล้วใช้การสวดมนต์มาบังหน้า เคยได้ยินคำว่ามือถือสาก ปากถือศีลหรือไม่ ทั้งนี้ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องตอบสภาและประชาชนคือ 1.คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้มีมติให้ซื้อวัคซีนที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปอย่างเคร่งครัด หมายความว่าต้องซื้อมากกว่า 1 ยี่ห้อ แต่ครม.กลับมีมติซื้อวัคซีนซิโนแวคอย่างเดียว และที่ผ่านมาสื่อของสหรัฐเคยเสนอข่าวบริษัท ซิโนแวค เคยติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ นี่คือเหตุผลที่ไม่ซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่นหรือไม่

Advertisement

น.ส.จิราพรกล่าวว่า 2.ข้อสงสัยเงินทอนวัคซีนซิโนแวค 5 ครั้ง ซื้อโดสละ 17เหรียญสหรัฐ 10.9 ล้านโดส อ้างเป็นการจัดซื้อเฉพาะครั้งแรก แต่ครั้งต่อๆ ไปราคาจัดซื้อลดลง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดการจัดซื้อครั้งที่ 2-5 ครม.ยังอนุมัติงินจัดซื้อราคา 17เหรียญสหรัฐต่อโดสเหมือนเดิม หลักการถ้าซื้อราคาใดต้องอนุมัติเงินราคานั้น ไม่ใช่ขอเผื่อไว้ จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไรว่า มีเงินทอนจากที่ ครม.อนุมัติเงินเกินจริง 1.6 พันล้านบาท เพื่อยืนยันความโปร่งใสขอให้นำเอกสารมาชี้แจงคือ หลักฐานการจ่ายเงินที่กรมควบคุมโรคจ่ายให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ไปซื้อวัคซีน 2.เอกสารการจ่ายเงินที่ อภ.จ่ายค่าวัคซีนให้บริษัทซิโนแวคมาแสดงในทุกครั้ง อย่าอ้างเปิดเผยไม่ได้ เพราะเป็นภาษีประชาชน ไม่ใช่สัญญาระหว่างประเทศ การอ้างเงินส่วนที่เหลือจะส่งคืนคลัง ตอบง่ายเกินไป ต้องเอาหลักฐานมาแสดง มิเช่นนั้นไม่มีใครเชื่อ วันนี้เจ้าของภาษีอยากรู้มีเงินทอนหรือไม่ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์หรือนายอนุทินตอบไม่ชัดเจน แสดงว่าค้าความตาย หากินบนซากศพประชาชน รอพรรคเพื่อไทยยื่นดำเนินคดีได้เลย ส่วนการซื้อวัคซีนแอสตราเซนเนก้า เป็นการคาดการณ์ผิดพลาดมหันต์ ไม่รู้หรือว่า สภาพบริษัท สยามไบโอไซเอม์กำลังขาดทุน ไม่มีประสบการณ์วัคซีน ทำไมกล้าเอาเงินภาษีไปฝากความหวังบริษัทนี้

“ภาวะประเทศไทยขณะนี้ สัปเหร่อทำงานหนักกว่านายกฯ ประชาชนต้องรอตรวจ รอเตียง รอตายกลางถนน จนเตาเผาศพพัง แต่รัฐบาลยังอยู่ได้ จริงๆเตาเผาศพต้องยังอยู่ แต่รัฐบาลต้องไป คนจำนวนมากไม่ได้ตายเพราะโรคระบาด แต่ตายเพราะความไม่ฉลาดของผู้นำ ขอไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตจากโควิด ชาติหน้ามีจริงฉันใด ขอให้ท่านเหล่านี้อย่ามาเกิดในยุครัฐประหาร ยุคพล.อ.ประยุทธ์ ยุคผู้นำโอหังคลั่งอำนาจ ยุคผู้นำค้าความตาย และอย่ามาเกิดยุคผู้นำโง่เราจะตายกันหมด”น.ส.จิราพรกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ น.ส.จิราพรอภิปรายนั้น นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ก่อนหน้านี้มีผู้อภิปรายเนื้อหาเดียวกันมา แต่เป็นเรื่องเดิมที่ผู้อื่นอภิปราย และซ้ำกับผู้อื่น เรื่องโคแวกซ์ และการซื้อราคาต่างๆ ทำให้เสียเวลาของเรา ขอให้อภิปรายเรื่องอื่น และรัฐมนตรีชี้แจงไปแล้ว ซึ่งไม่น่าจะชอบด้วยการอภิปราย

Advertisement

ทำให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงประธานที่ประชุมว่า ต้องให้นายศุภชัยหยุดประท้วงคนอภิปราย และหยุดเป็นองครักษ์พิทักษ์อนุทิน หยุดลุกขึ้นประท้วงได้แล้ว พฤติกรรมเช่นนี้มีมาตั้งแต่เมื่อวาน (1 ก.ย.) เรารู้ดีว่ามีผู้อภิปรายถึงเรื่องนี้ ซึ่งการอภิปรายของ น.ส.จิราพร คือการตอกย้ำความผิดพลาดและยังมีประเด็นเพิ่มเติมด้วย แต่พฤติกรรมดังกล่าวของนายศุภชัย มันชัดเจนเกินไป ทั้งก่อกวน กวนประสาท ทำให้ผู้อภิปรายไม่มีสมาธิ

ต่อจากนั้นนายศุภชัยกล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าตนมีพฤติการณ์ และใช้คำว่าก่อกวน เป็นถ้อยคำที่ต้องถอน ซึ่งตนทำหน้าที่ของตน หากจะเป็นองค์รักษ์ของใครมันไม่เกี่ยว แต่ตนเป็น ส.ส.ถือว่ามีสิทธิ ทำให้ น.ส.ธีรรัตน์ ลุกขึ้นกล่าวว่า ตนยินดีถ้าท่านจะหยุดประท้วงได้แล้ว ทำให้นายศุภชัยกล่าวว่า “ห้ามผมไม่ได้” จากนั้นประธานในที่ประชุมได้ขอให้ น.ส.ธีรรัตน์ ถอดคำพูดดังกล่าวออกไป ก่อนที่ น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า ตนยินดีที่จะถอนคำพูด หากจะทำให้ น.ส.จิราพร ได้อภิปรายอย่างราบรื่นจนจบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image