คำประกาศของ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผ่าน”เฟซบุ๊ค”ส่วนตัว
ถือได้ว่า “ร้อนแรง”
“ขอยืนยันว่าผมเป็นประชาธิปัตย์ที่แท้จริง ไม่แทงกั๊ก แต่แทงเต็งตรงจุดที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ไม่ว่าฉบับนี้หรือฉบับไหนที่มาจากการรัฐประหาร”
“ร้อนแรง” เพราะ “เหตุผล”ซึ่งยกมา “อ้างอิง”
ประการสำคัญอย่างที่สุด น่าจะเป็น “มุมมอง” ต่อรัฐธรรมนูญและต่อกระบวนการ “รัฐประหาร”
ประเด็นสำคัญอย่างนี้จำเป็นต้องยกมาอย่างละเอียด
หลังจากมีการปฎิวัติเมื่อปีพ.ศ.2475 เราต้องเคารพต่อรัฐธรรมนูญที่
เราได้ขอพระราชทานมาจากพระมหากรุณาธิคุณอันสูงส่ง
แต่รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่แก้ไขได้
ดังนั้น เมื่อเกิดความบกพร่องอย่างไรก็ตามกาลเวลาและสถานการณ์ก็ต้องแก้ไข
จึงไม่เห็นด้วยกับคนที่ถือโอกาสเข้ามาบัญญัติให้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่แก้ไขยากจนแทบจะปิดทางการแก้ไข
เพื่อเปิดทางให้ผู้มีอำนาจมาถือเป็นข้ออ้างฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งโดยไม่ต้องแก้ไข
โดยเลี่ยงคำว่า “กบฎ” มาเป็นคำว่า “รัฐประหาร” เพื่อแย่งอำนาจที่แท้จริงของประชาชนมาเป็น
“รัฎฐาธิปัตย์”
ใช้อำนาจ “รัฎฐาธิปัตย์” ฉีกรัฐธรรมนูญเดิมทิ้ง ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ฝ่ายตัวเอง
แล้วตั้งพรรคพวกตัวเองและนักลากตั้งเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ลิดรอนอำนาจประชาชน และกำจัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยทำนองว่านักการเมือง
และการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นความชั่วช้าสามานย์
แต่ละครั้งต้องเสียงบประมาณเลี้ยงดูนักร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่และสารพัด
รวมแล้วหลายหมื่นล้านกับความเสียหายเกี่ยวเนื่องและศักดิ์ศรีที่ต้องเสียไปในสังคม
ประชาคมโลกอีกไม่อาจประมาณการได้
ดูออกและเข้าใจหรือยัง
ทำไมเขาถึงรังเกียจเรา ทำไมมาตรการต่อต้านเศรษฐกิจไทยจากประชาคมโลกจึงถาโถมกันมาทุกด้านขณะนี้
บทบาทของ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ครั้งนี้ถือเป็น “ความร้อนแรง” ทางการเมืองคำรบ 2
ยืนยันในความเป็น “ประชาธิปัตย์” มาแล้ว 30 ปี กว่าครึ่งชีวิตการทำงาน
ยืนยันความเคยเป็น “กรรมการบริหาร” พรรคประชาธิปัตย์เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ยืนยันความเคยเป็น “ครม.” พรรคประชาธิปัตย์”ก่อนใครต่อใครในขณะนี้กว่า 10 ปี”
ยืนยันการยังดำรงสถานะแห่ง “สมาชิก” พรรคประชาธิปัตย์
นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อาจจะอ่อนอาวุโสกว่า นายชวน หลีกภัย แต่ก็เป็นคนร่วมยุคกับ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน
เป็นรุ่นก่อน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เขาเป็นคนยุค 2500 ไม่เพียงแต่เรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หากแต่ยังเป็นสมาชิกของ ชุมนุมวรรณศิลป์
ชมชอบเขียน “ร้อยกรอง” ชมชอบ “สำนวนโวหาร”
กระนั้น รากฐานอย่างแท้จริงของเขาก็คือ ความเป็น “นักการเมือง”
และเป็นนักการเมืองพันธุ์ “ประชาธิปไตย”
“ถ้อยคำ” ของ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล จึง “สำคัญ”
สำคัญและทรงความหมายในทาง “การเมือง” ในยุคแห่งความขัดแย้ง แตกแยกทางความคิดแหลมคม
จำเป็นต้อง”ล้างหู”น้อมรับฟังด้วย”ความเคารพ”
