‘ต่อให้ต้องตาย ก็ขอไม่เป็นทาสเผด็จการ’ เปิดชีวิต ‘แซม สาแมท’ ที่บก.ลายจุด เอ่ยว่า ‘สะเทือนใจ’
เมื่อวันที่ 6 กันยายน สืบเนื่องกรณี นายสมบัติ บุญงามอนงค์ นัดชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เวลา 16.00 น. ที่แยกอโศกมนตรี มีการเปิดเวทีให้ปราศรัยในประเด็นต่างๆ
นายแซม สาแมท บุคคลไร้สัญชาติ ผู้ต้องหาคดีการชุมนุมทางการเมืองที่ได้รับการประกันตัว ขึ้นเวทีปราศรัย
นายแซม กล่าวว่า ตนโดนจับจากกรณีการชุมนุมที่ 3 เหลี่ยมดินแดง ไม่มีหมายเรียก มีแต่หมายจับ ซ้ำยังโดนตำรวจทำร้ายร่างกาย บีบมือเกือบหัก ถึบเข้าไปในรถ และถูกส่งไปตชด.คนเดียว ทั้งที่อายุแค่ 19 ปี แต่ไม่ให้พบทนาย ข้าวก็ไม่มีให้กิน ทนายความต้องทำเรื่องย้ายไป สภ.คลองห้าจึงได้กินข้าว
“ผมติดโควิดในเรือนจำมาแล้ว 2 รอบ พ่อผมเป็นคนไทย ทำไมรัฐไทยให้สัญชาติไม่ได้ แต่ให้อยู่ในเรือนจำได้ สบู่ 7 ก้อน ใช้ 60 คน ยาสีฟัน 1 กระปุก ใช้ 60 คน ยุงกัด อาหารกินไม่ได้ ไม่มีรสชาติ หลายคนโดนกลั่นแกล้ง เรียกร้องไม่ได้ การออกมาพูดวันนี้ อาจโดนถอนประกัน แต่อยากบอกว่า จะสู้ แม้จะติดคุกอีกกี่ร้อยชาติ ก็ยืนยันว่า ต่อให้ตัวตายก็ขอไม่เป็นทาสเผด็จการ” นายแซม กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า
นายแซม ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า รัฐบาลไทยมองไม่เห็นคนไร้สัญชาติ เวลาป่วย ตนไม่เคยได้รับการที่โรงพยาบาล เข้าไม่ถึงการศึกษา แค่ซื้อซิมโทรศัพท์ยังไม่ได้ วันนี้ขอเป็นกระบอกเสียงให้คนไร้สัญชาติทุกคน รวมถึงชาวบางกลอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปราศรัยดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเย็น อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายกิจกรรมเมื่อเวลาเกือบ 20.00 น. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ซึ่งกล่าวปิดเวทีเป็นคนสุดท้าย ยังกล่าวถึงการปราศรัยของนายแซมว่า เป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจ และได้ข้อมูลความรู้หลายอย่างจากประเด็นเรื่องคนไร้สัญชาติ
