สกู๊ปหน้า 1 : ส่องรอยร้าว ‘พปชร.’ เปราะบาง-เสี่ยงแตกหัก
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับรัฐมนตรี รวม 6 คน
สุดท้ายผลการลงมติของที่ประชุมสภา เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา สรุปว่า ทั้งนายกฯ กับ 5 รัฐมนตรี ได้ไปต่อทางการเมืองคือ ผลคะแนนไว้วางใจของ ส.ส.ในสภาผ่านเกินกึ่งหนึ่งทุกคน โดยเสียงโหวตของ ส.ส.ในสภา ที่ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ ต้องโหวตไว้วางใจไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.ในขณะนี้ ที่มีจำนวน 482 ราย คือ 241 เสียง
แต่ประเด็นสำคัญคือ ผลคะแนนไว้วางใจของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ไม่มาตามนัด อย่างที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รับปากว่าของนายกฯต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
สืบเนื่องจากภายหลังเกิดปฏิบัติการขบเหลี่ยมกันทางการเมือง ภายนอกห้องประชุมสภา ในห้วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึงวันที่ 3 กันยายน ระหว่างเบอร์หนึ่งของฝ่ายบริหาร คือ พล.อ.ประยุทธ์ กับคีย์แมนคนสำคัญของพรรค พปชร. อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กับปฏิบัติการโหวตล้มเก้าอี้นายกฯ ด้วยเกมการเมืองของคนกันเองภายในพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
โดยคะแนนไว้วางใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาอยู่ที่ 264 เสียง อยู่ในอันดับ “รองบ๊วย” เมื่อไล่สแกนดูคะแนนเสียงไว้วางใจของนายกฯ แม้พรรค พปชร.จะไม่แตกแถว ลงคะแนนไปในทิศทางเดียวกันทั้ง 119 เสียง แต่ที่เหนือการควบคุมคือ การแสดงพลังของพรรคเล็ก ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับแกนนำพรรค พปชร.คนสำคัญ
แม้จะอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน แต่กลับโหวตสวนไม่ไว้วางใจนายกฯ แสดงให้เห็นร่องรอยของความไม่พอใจในการทำหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์
หลังเสร็จศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สิ่งที่ต้องจับตาคือ จะมีปฏิบัติการเช็กบิล กวาดล้าง กลุ่ม ก๊วน ในพรรค พปชร. ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ โชว์พาวเวอร์ เขย่าเก้าอี้นายกฯ จน พล.อ.ประยุทธ์ แสดงออกแบบเสียอาการ ในช่วง 2-3 วัน ก่อนลงมติเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมาหรือไม่
โจทย์นี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหารอำนาจทั้งในพรรค พปชร.และในรัฐบาลว่าจะจัดดุลอำนาจเพื่อสยบรอยร้าว และอิทธิฤทธิ์ภายในพรรค พปชร.กันอย่างไร เพราะเมื่อมีการแสดงออกถึงความไม่พอใจในฝั่งของแกนนำพรรค พปชร. ที่กุมเสียง ส.ส.ชี้ขาดความเป็นไปของผู้นำรัฐบาลในครั้งแรกได้
หากผู้นำไม่จัดการดุลอำนาจให้ลงตัว ปฏิบัติการเขย่าเก้าอี้ผู้นำ รวมทั้งการเขย่าอำนาจภายในพรรค พปชร.ในครั้งที่สองย่อมเกิดขึ้นได้
ในเรื่องของรอยร้าวระหว่างพรรค พปชร. กับผู้นำรัฐบาลนั้น ในมุมมองของ โอฬาร ถิ่นบางเตียว นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งภายในพรรค พปชร.ช่วงก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์หมดลง เพราะจะถูกจัดการจากกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส หากมีความแข็งขืนยืนยันตามเจตนาเดิม แต่หลังจากมีการลงมติ ทำให้ดุลอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์มีมากพอที่จะทำงานการเมืองไปได้อีกระยะ ขณะที่การกลับมาเช็กบิล ร.อ.ธรรมนัส เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ขณะที่ต้องการจะเดินหน้าทำงานการเมือง ถึงที่สุดไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะคิดอย่างไรกับ ร.อ.ธรรมนัส
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังมีความจำเป็นต้องใช้บริการ และเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับ ร.อ.ธรรมนัส เพราะหากมีการยุบสภาก่อนครบวาระ จะต้องมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นแกนหลักในการหาจำนวน ส.ส.ไปทำหน้าที่นั่งร้านให้ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจ
ดังนั้น ในความรู้สึกไม่พอใจหรือมีความขัดแย้ง แต่ยังมีความจำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัย หรือหากจะปลด ร.อ.ธรรมนัสออกจากรัฐมนตรีช่วย หรือเลขาธิการพรรค อย่างน้อยก็ต้องผ่านความเห็นจากพี่น้อง 3 ป. โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค
พปชร. หากดูการทำงานของ 3 ป. ยังมีการทำงานในลักษณะประนีประนอมสูงมาก พิสูจน์ได้จากการแก้ไขปัญหาวิกฤตก่อนลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่ถึงจุดที่ต้องแตกหัก ดังนั้น คงประเมินแล้วว่าหากไม่มี ร.อ.ธรรมนัส คงมีปัญหา เพราะจะส่งผลกระทบกับพรรค พปชร.ที่ค้ำจุนอำนาจรัฐบาล
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ร.อ.ธรรมนัส กลุ่มอำนาจหลักที่อยู่เบื้องหลังคือกลุ่มเดียวกัน แต่ ร.อ.ธรรมนัสอาจจะมีคอนเน็กชั่นเครือข่ายที่กว้างขวางมากกว่า ยังมีพันธมิตรที่ดีนอกพรรคร่วมรัฐบาล คือพรรคเพื่อไทย (พท.) ดังนั้น ถ้าดูศักยภาพของ ร.อ.ธรรมนัสแล้ว ยังมีความจำเป็นต้องเอาไว้ใช้งานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ในโอกาสต่อไป
โดยกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง พล.อ.ประยุทธ์ และ ร.อ.ธรรมนัส มีความเห็นตรงกันต้องการให้รัฐบาลนี้สืบทอดอำนาจต่อไป ไม่ต้องการเห็นภาพของการแตกหัก ระหว่างกลางของ พล.อ.ประยุทธ์ และ ร.อ.ธรรมนัส
เชื่อว่าบางฝ่ายยังมีคุณโทนี่ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) หรือคนแดนไกล อิงแอบในทางการเมือง เนื่องจากองคาพยพจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีสัญญาณมาแล้วว่าเป็นการอภิปรายในเชิงยุทธศาสตร์ ที่จะไม่แตะต้อง ร.อ.ธรรมนัส หรือ พล.อ.ประวิตร เพื่อทำให้แกนนำพรรครวบรวมบรรดา ส.ส.ล้มรัฐบาลแต่ทำไม่สำเร็จ
จึงเป็นไปได้ที่คุณโทนี่จะมีคอนเน็กชั่นกับ ร.อ.ธรรมนัส ดูได้จากการสื่อสารทางการเมืองของคุณโทนี่ที่พยายามรักษาสถานภาพระหว่าง ร.อ.ธรรมนัสค่อนข้างมาก ไม่พูดถึงไม่โจมตี เพราะรู้ดีว่า ร.อ.ธรรมนัสเป็นตัวกลางที่จะนำคุณโทนี่ไปเชื่อมโยงกับกลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองผู้ทรงอำนาจได้
พล.อ.ประยุทธ์ และ ร.อ.ธรรมนัส อาจมีอาการทางใจระหว่างกัน แต่ก็มีความจำเป็นต้องร่วมมือกันไปก่อน ในสภาพน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ของการเมืองแบบไทยๆ
ขณะที่อีกหลายความเห็นเชื่อว่า หลังจาก “รอยร้าว” แผลใหญ่ในรอบนี้ น่าจะส่งผลรุนแรง ต่อความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันและอาจจะเกิดการแตกหักติดตามมา
การเมืองไทยหลังศึกอภิปรายจึงเปราะบางมากขึ้น รุมเร้าทั้งศึกนอก-ศึกใน
น่าคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะประคองสถานการณ์ต่อไปอย่างไร