‘อิสระ’ จับมือดรีมทีมเลือดใหม่รัฐสภา ถอดบทเรียน ปัญหาเยาวชน-กลุ่มเปราะบางยุคโควิด

‘อิสระ’ จับมือดรีมทีมเลือดใหม่รัฐสภา ถอดบทเรียน “รอยรั่วปัญหาเยาวชน-กลุ่มเปราะบาง ยุคโควิด-19” เล็งเสนอ “นายกฯ-ผู้แทนยูเอ็น” ด้าน “ธีรรัตน์” แนะ ตั้งโต๊ะเจรจาม็อบดินแดง

เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่รัฐสภา มีการจัดงานเสวนาเนื่องในวันประชาธิปไตยสากล ระหว่างเยาวชนกลุ่มเปราะบางและสมาชิกรัฐสภา ภายใต้หัวข้อ ชีวิตประจำวัน ความฝัน และความท้าทาย ของเยาวชนไทยในยุคโควิด-19 โดยมี นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารชมรมสมาชิกรัฐสภา (Young MP) ทำหน้าที่ประธานการประชุม พร้อมกันนี้ ยังมีตัวแทนสมาชิกรัฐสภาคนรุ่นใหม่ จากทั้งส.ส.ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และส.ว.เข้าร่วม เช่น น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.วิไลลักษณ์ อรินทมะพงษ์ ส.ว. นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) น.ส.เพชรชมพู กิจบูรณะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) รวมถึงผู้แทนกลุ่มเยาวชน และนายเรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์

โดย นายอิสระ กล่าวเปิดการประชุม ว่า จุดประสงค์วันนี้คือ หวังว่าจะถอดบทเรียนปมปัญหาโควิด-19 ที่สร้างอุปสรรคให้กับเยาวชนเปราะบาง เยาวชนไร้สัญชาติ เยาวชนผู้พิการและเยาวชนกลุ่มความหลากหลายทางเพศ แล้ว นำออกมาเป็นนโยบายหรือข้อเสนอส่งให้รัฐบาลได้นำไปอุดช่องโหว่ให้ตรงจุดมากขึ้น ความพิเศษของดรีมทีมจุดประกายในครั้งนี้คือ การระดมแนวคิดจากแทบทุกพรรคการเมือง ส่งต่อไปยัง 2 ช่องทาง คือ 1.ส่งให้นายกรัฐมนตรีโดยตรง 2.ส่งให้เลขาธิการสหประชาชาติผ่านผู้แทน ทั้งนี้ คนทั่วไปในสังคมที่ว่าปรับตัวลำบากเเล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ยากยิ่งกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่า เราควรยอมแพ้ผู้แทนราษฎร สมาชิกรัฐสภาไม่ควรนิ่งดูดาย นอกจากกลุ่มต่างๆ ในที่นี้ ตนยังประสานงานส่งเจ้าหน้าที่ไปหาพี่น้องพื้นที่ห่างไกล ให้เขาได้เสวนาถอดบทเรียนและสะท้อนปัญหาของเขากับเราผ่านระบบซูม เช่น พี่น้อง จ.น่าน และ จ.ตราด หวังว่า ตอนจบเราจะได้ถอดบทเรียนแล้วนำออกมาเป็นนโยบายหรือข้อเสนอที่จะส่งให้รัฐบาลได้นำไปอุดช่องโหว่ให้ตรงจุดมากขึ้น

Advertisement

ด้าน นายเรอโน กล่าวว่า กลุ่มเยาวชนวันนี้มีความคิดก้าวหน้ากระตือรือร้น อยากมีส่วนร่วมทางการเมือง สิ่งที่อยากย้ำเป็นพิเศษคือ ปัจจัยพื้นฐานก่อนการนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย คือ การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในองค์กรสาธารณะ จะเกิดขึ้นได้โดย 3 ส่วน คือ 1.เรื่องประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของโยบายการบริการภาครัฐ 2.สิ่งเหล่านั้นได้สะท้อนความต้องการของประชาชนหรือไม่ หน่วยงาน เช่น รัฐสภา ได้รับฟังมีความเข้าใจและเปิดกว้างให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น เพื่อผลิตนโยบายและบริการให้สอดคล้องหรือไม่ และ 3.ความสัมพันธ์ ในการจัดสรรทรัพยากร นำมาสู่ในหลายๆ เรื่องทั้งความไม่เท่าเทียมในสังคม ทั้งในกลุ่มเปราะบาง กลุ่ม LGBT กลุ่มแรงงานต่างด้าว นี่คือสิ่งตอกย้ำให้สมาชิกรัฐสภารับฟังเสียงกลุ่มต่างๆ ให้มากขึ้นเช่นเดียวกับการนำกลุ่มเยาวชนเข้ามาเพื่อทำความเข้าใจกับบทบาทนี้ แสดงความเห็นเพื่อเติมเต็มปัจจัยทั้ง 3 ข้อดังกล่าว เพื่อวางรากฐานสำคัญของประชาธิปไตย แต่อย่างที่บอกหลายประเทศกำลังเผชิญปัญหาคล้ายๆ กัน คือเรื่องการสื่อสารที่มีปัญหาจนเกิดแรงกดดันต่างๆ ทางสังคม ซึ่งวันนี้ตนดีใจที่การพูดคุยวันนี้เกิดมาจากการริเริ่มของกลุ่มส.ส.กันขึ้นมาโดยที่ไม่มีการแบ่งพรรคการเมือง ไม่มีโอกาสไหนที่จะดีกว่านี้แล้วในการกล่าวถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและกลุ่มเปราะบางต่างๆ

ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า บทบาทสมาชิกรัฐสภาได้มีการทำหน้าที่ต่างๆ เช่น การผ่านร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแห่งราชอาณาจักรไทยในวาระ 3 ที่ผ่านสภาล่าสุดมีการเปลี่ยนบัตรเลือกตั้งจากเดิมรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบ กลับมาเป็น 2 ใบ เพื่อสะท้อนเสียงของประชาชนมากที่สุดในการเลือกผู้แทนแต่ละเขต เข้ามาทำหน้าที่ ทั้งนี้ขอให้คิดว่าการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน ที่ผ่านมาตนรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ เช่น เมื่อไรจะได้วัคซีน อย่างที่นายอิสระระบุว่า ขณะนี้มีความเหลื่อมล้ำแม้แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตยังเข้าไม่ถึงประสิทธิภาพการเรียนออนไลน์แตกต่างกัน เรากระตุ้นรัฐบาลให้จัดสรรวัคซีนที่มีคุณภาพสำหรับฉีดให้เยาวชน ทุกอย่างมีทางออก ทำอย่างไรให้มีเราทางออกเราอยู่กับโควิดได้ เยาวชนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ตนดีใจ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่จะสร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ มีทุกพรรคฝ่ายค้านเข้ามาทำการเมืองรวมกัน ลดความขัดแย้งที่ไม่ก่อประโยชน์ ทั้งนี้มองว่าเรื่องความรุนแรงที่สามเหลี่ยมดินแดง ไม่สามารถบอกได้ว่า เกิดจากใครแต่สิ่งที่เราเห็นคือความสูญเสียทั้งของประชาชนโดยรอบและผู้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วง วิธีแก้ปัญหาของเราคือการตั้งโต๊ะเจรจา เปิดรับฟังความเห็นจากผู้ประท้วงและให้รัฐบาลนำไปแก้ไข สงครามทุกสงครามจบด้วยการเจรจาเท่านั้น

ทั้งนี้ นายอิสระ ได้กล่าวสรุปว่า จะรวบรวมไล่เรียงประเด็นต่างๆ ให้ชัด ส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการสหประชาชาติ ผ่านผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เพื่อขยายเสียงที่สะท้อนในวันนี้ให้ดังขึ้น โดยเฉพาะคำว่า ซับซ้อน แบ่งแยก ติดฉาก แปะฉลาก ให้ใครเป็นคนกลุ่มใด มันไม่สิ่งที่พวกเขาอยากได้ยินหรือถูกเรียกหรือไม่ รวมถึงบทเรียนที่ผู้เข้าร่วมงานได้สะท้อนว่า ไม่ว่าคนกลุ่มใดก็ตามเขาไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร ไม่ว่าจะสงสารจริงหรือสงสารเทียม เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ใครมาสร้างวาทกรรมที่สวยหรูให้ แต่พวกเขาต้องการการยอมรับในอัตลักษณ์ที่เขาต้องการจะเป็น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image