กมธ.ป.ป.ช. ชี้ ตร.อายัดตัว ‘เพนกวิน-ไมค์’ ที่เรือนจำปี’63 มิชอบ ยกหมายศาลสิ้นผลแล้ว

“กมธ.ปราบโกง” ชี้ ตร.เข้าอายัดตัว “เพนกวิน-ไมค์” ที่เรือนจำไม่ชอบด้วย กม. เหตุหมายศาลสิ้นผลไปแล้ว แนะ สตช.-ราชทัณฑ์แก้ระเบียบปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 16 กันยายน ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลหลังการประชุมกรณีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น นำหมายจับพร้อมหนังสืออายัดของพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา และ สภ.เมืองอุบลราชธานี ไปขอรับตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับตัวไปดำเนินคดี เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 คน ได้ถูกพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา และ สภ.เมืองอุบลราชธานี แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแสดงหมายจับแล้วที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ว่า สำนักงานตำรวจแห่งซาติ (สตช.) โดย พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มาชี้แจงต่อ กมธ.ยืนยันว่าการอายัดตัวนายพริษฐ์และนายภาณุพงศ์ พร้อมหมายจับที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วได้กระทำความถูกต้องตามกฎหมาย โดยอ้างหนังสือ ตร.ด่วนที่สุด ที่ 0011.25/1291 ลงวันที่ 5 เมษายน 2562 ประกอบกับคำพิพากษาฎีกาที่ 6821/2549 และคำพิพากษาฎีกาที่ 8458/2551 เห็นว่าการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ถือว่าเป็นการจับกุมผู้ต้องหา

นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า กมธ.ป.ป.ช.ได้พิจารณาและมีมติว่า การที่พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา และ สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้ไปแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลนายพริษฐ์และนายภาณุพงศ์นั้น เป็นไปตาม ป.วิ อาญา มาตรา 78 วรรคแรก และมาตรา 83 วรรคสอง รวมถึงคำพิพากษาฎีกาที่ 479/2555 และคำพิพากษาฎีกาที่ 2006/2521 ซึ่งถือว่าหมายจับที่ศาลออกให้ดังกล่าว ได้สิ้นผลโดยกฎหมายตาม ป.วิ อาญา มาตรา 68 ไปแล้ว ไม่อาจนำหมายจับศาลที่สิ้นผลไปแล้วไปขออายัดตัวบุคคลทั้งสอง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้อีก หากพนักงานสอบสวนมีความประสงค์ที่จะนำตัวไปดำเนินคดี จะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อให้ศาลออกหมายจับอีกครั้งหนึ่ง

นายธีรัจชัยกล่าวอีกว่า ดังนั้น การที่ สตช. อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 6821/2549 และ 8458/2551 นั้น เป็นกรณีที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาโดยที่ศาลยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาคนดังกล่าว ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในคดีนี้ จึงไม่อาจนำมาอ้างได้ ส่วนกรณีที่ปรากฏว่านายพริษฐ์และนายภาณุพงศ์ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายนั้น จากการตรวจสอบยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการทำร้ายร่างกาย กมธ.ป.ป.ช. จึงมีมติว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องการจับผู้ต้องหา โดยเกิดจากการกระทำโดยประมาทไม่ตรวจสอบข้อกฎหมายและแนวคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบ แต่ไม่มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งบุคคลทั้งสอง ตาม ป.อาญา มาตรา 157 แต่ต้องถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ตามมาตรา 78(1) กมธ.ป.ป.ช. จึงได้มีข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไขระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องไปยัง สตช. และกรมราชทัณฑ์ ให้มีความถูกต้องตามข้อกฎหมายและระเบียบต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image