09.00 INDEX ข่าวลือ ข่าวปล่อย กรณี “ยุบสภา” เขย่าบัลลังก์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ความเชื่ออันก่อรูปพุ่งไปสู่แนวโน้มของ “การยุบสภา” เป็นความเชื่อซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล
แม้ว่าความเชื่อเช่นนี้จะโหมประโคมโดย “ฝ่ายค้าน”
ไม่ว่าจะเป็นการชี้อย่างเป็นระบบจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประสานกับการอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล
ไม่ว่าจะเป็นการขยายและขยี้จากปมแห่งสภาวะ “สภาล่ม” ต่อ เนื่องติดๆกันโดยขุนพลจากพรรคเพื่อไทยอย่าง นายสุทิน คลังแสง และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าทุกปัจจัยมีรากฐานมาจากรัฐบาล มาจากความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับแกนนำสำ คัญของพรรคพลังประชารัฐ
กระทั่งมีการ “ปลด” รัฐมนตรีอันเป็น “เส้นเลือดใหญ่” การเมือง
กระทั่งกลายเป็น “ปม” ใหญ่ที่ลากดึงเอาทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เข้ามาแสดงบทบาท
ประจันหน้าปะทะกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ภาระหน้าที่เฉพาะหน้าของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจึงอยู่ในสถานการณ์ต้องเลือกข้างระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ตรงนี้เองทำให้สภาพการณ์ในที่ประชุมรัฐสภาต้องมีอันบกพร่องและขาดหายกลายเป็น “สภาล่ม”
เพราะเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินสายไม่ว่าจะที่สมุทร ปราการ ไม่ว่าจะที่ชัยนาท ไม่ว่าจะที่ชลบุรี ก็มีความจำเป็นต้องร่วม ในการเดินสายไปด้วย
เหมือนกับว่าการร่วมเสนอหน้าจะเป็นการสำแดงพลัง แต่ในเมื่อการสำแดงพลังก่อให้เกิดสภาวะ “สภาล่ม” จึงกลายเป็นสัญญาณ
สัญญาณว่าต่อไป “สภา” อันเป็นจุดชี้ตาย ปลายเป็นการเมือง
ความร้อนทางการเมืองจากที่ปะทุขึ้นในเดือนกันยายนจึงเด่นชัดว่ามีความต่อเนื่องไปยังเดือนตุลาคม และจะถึงวาระแห่งการชี้ขาดขึ้นใน เดือนพฤศจิกายนเมื่อมีการเปิดสมัยประชุม
เป็นสมัยประชุมว่าด้วยพิจารณา “ร่างกฎหมาย” ล้วนๆ
พลันที่เดือนพฤศจิกายนมาถึงทุกร่างพรบ.ที่เสนอโดยรัฐบาลจะทรงความหมายและบ่งบอกราคาในทางการเมือง
และนั่นหมายถึงชะตากรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
