บทนำมติชน : ผลจาก 19 ก.ย.49
รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ.2549 ครบ 15 ปีในปีนี้ เป็นเหตุการณ์สำคัญของการเมืองไทยสมัยใหม่ รัฐประหารดังกล่าว ดำเนินการโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ขณะนั้นเป็นหัวหน้าคณะล้มรัฐบาล นำโดยพรรคไทยรักไทย มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี การรัฐประหารสำเร็จ ฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตทางการเมืองที่ยาวนานมาถึงปัจจุบันรวม 15 ปีแล้ว
รัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549 มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี คืนอำนาจให้ประชาชนใน 1 ปีตามสัญญา แต่สิ่งที่ตามมาผิดความคาดหมายของกลุ่มอำนาจ จากผลเลือกตั้ง ที่พรรคเครือข่ายของนายทักษิณชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ต้องเผชิญวิกฤตจากองค์กรอิสระ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่ออกแบบเอาไว้เป็นพิเศษ จนต้องพ้นจากตำแหน่ง ถูกยุบพรรค ก่อนที่การเมืองพลิกขั้ว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาล แต่รัฐบาล ปชป.ถูกต่อต้านโดยกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งจัดชุมนุมใหญ่ ในปี 2552 และ 2553 ถูกปราบปรามนองเลือดทั้งสองครั้ง ครั้งหลังมีผู้เสียชีวิต 99-100 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 2 พันคน
การเลือกตั้ง ก.ค.2554 พรรคเพื่อไทยอันเป็นเครือข่ายนายทักษิณชนะอีก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กฎกติกาที่ร่างไว้โดยคณะรัฐประหาร 2549 ทำให้การบริหารงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก มีความพยายามจัดม็อบต้านแต่จุดไม่ติด มาจุดติดเมื่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนเกิดม็อบนกหวีด หรือ กปปส. ชุมนุมขับไล่จากเดือน ต.ค.2556 ถึงเดือน พ.ค.2557 จึงสำเร็จเมื่อคณะทหารลงมือรัฐประหาร ซึ่งเป็นการแก้มือรัฐประหาร 2549 ที่ถูกมองว่า เสียของ กลุ่มอำนาจจากรัฐประหาร 2557 ตั้งรัฐบาล และอยู่ยาวมาจนปัจจุบัน แม้ไม่ชนะเลือกตั้ง แต่ได้ตัวช่วยจาก 250 ส.ว.ทำให้ได้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อสืบทอดภารกิจจัดระเบียบปฏิรูปประเทศตามแนวคิดกลุ่มรัฐประหาร ซึ่งดูเหมือนมีผลระดับหนึ่ง แต่น่าสังเกตว่า แรงต้านมากและแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากวิธีคิดที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ขัดแย้งกับกระแสของโลก ขณะที่ภายในรัฐบาลแย่งชิงอำนาจ จนกลายเป็นความเปราะบางที่มากขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่า
จะแตกหักกับแนวทางที่ประชาชนต้องการในอนาคตอันไม่นานนัก